คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เช่าที่ดินทั้งแปลง แต่บางส่วนในที่ดินแปลงที่โจทก์เช่านั้น จำเลยได้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ก่อนที่โจทก์จะทำสัญญาเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน และจำเลยได้อาศัยอยู่เรื่อยมา เมื่อโจทก์ยังไม่เคยครอบครองที่ดินที่จำเลยใช้ปลูกบ้านนั้น จำเลยคงมีนิติสัมพันธ์กับเจ้าของที่ดินเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินราชพัสดุโดยอ้างว่าโจทก์เป็นผู้เช่าจำเลยได้ปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ที่โจทก์เช่าโดยไม่มีสิทธิมาก่อน โจทก์ยอมให้จำเลยอยู่โดยไม่เสียค่าเช่า บัดนี้ จำเลยทำความยุ่งยาก จึงขอให้ขับไล่
จำเลยต่อสู้ว่า ปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาท ๕๐ ปีแล้วก่อนที่โจทก์ทำสัญญาเช่าจำเลยอยู่โดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดิน โจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์แถลงรับในรายงานพิจารณาวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๐๘ ว่าจำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทนี้มาประมาณ ๕๐ ปี ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่โจทก์ทำสัญญาเช่ากับกรมธนารักษ์ และจำเลยได้อยู่อาศัยและครอบครองบ้านหลังนี้เรื่องมาจนบัดนี้ ฯลฯ เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์แถลงรับไว้ดังกล่าวฟังได้ว่า ที่ดินพิพาทตรงที่จำเลยปลูกบ้านอยู่นั้น แม้โจทก์จะได้เช่ามาจากกรมธนารักษ์ก็ดี โจทก์ยังไม่เคยได้เข้าครอบครองเลย จำเลยคงมีนิติสัมพันธ์กับเจ้าของที่ดินเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ พิพากษายืน.

Share