แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์มีข้อความกล่าวอ้างว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมายอมความเลิกความไม่ติดใจว่ากล่าวกันต่อไป แต่ไม่มีข้อความแสดงว่าได้มีการระงับข้อพิพาทระหว่างคู่สัญญาด้วยกันต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันอย่างใด นั้นเรียกไม่ได้ว่าเป็นหลักฐานสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 850 คงเป็นแต่เพียงคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้เป็นความกันตามคดีแดงที่ ๓๖/๒๔๙๐ ศาลจังหวัดสมุทรสงครามพิพากษาให้จำเลยชนะคดีแต่โจทก์จำเลยได้อุทธรณ์คำพิพากษา ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์กับจำเลยได้ประนีประนอมกันให้คดีเป็นอันเลิกแล้วกันไป โดยจำเลยได้รับมูลค่าจากโจทก์ ๑๕๐๐ บาท และโจทก์จำเลยได้ทำหลักฐานเป็นคำร้องลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ ๆ ทำคำสั่งให้โจทก์จำเลยถอนอุทธรณ์ได้ ต่อมาจำเลยดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโจทก์จึงคัดค้านและเกิดพิพาทกันขึ้นไปถึงศาลฎีกา ๆ พิพากษาว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์หมายความว่า ให้ถอนอุทธรณ์เท่านั้น ข้อที่โจทก์อ้างว่าทำสัญญากันนอกศาล เป็นเรื่องที่โจทก์จะไปว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมกับโจทก์ กลับมาดำเนินคดีชั้นบังคับคดีอำทำให้โจทก์เสียหาย จึงขอให้ศาลแสดงว่า หนี้สินตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดสมุทรสงครามในคดีแดงที่ ๓๖/๒๔๙๐ เป็นอันระงับไปตามสัญญาประนีประนอม
ก่อนพิจารณาคดี โจทก์แถลงว่า ก่อนถอนอุทธรณ์ โจทก์กับจำเลยได้ตกลงกันด้วยปาก ต่อหน้าบุคคลหลายคน แต่มิได้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อตกลงกันแล้ว โจทก์จำเลยจึงได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ ซึ่งโจทก์ถือว่าคำร้องถอนฟ้องอุทธรณ์นี้ เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีนี้
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า คำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ที่โจทก์อ้าง ไม่ใช้สัญญาประนีประนอมความ จึงถือว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ที่โจทก์อ้าง ไม่มีข้อความแสดงว่าได้มีการระงับข้อพิพาทระหว่างคู่สัญญาด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันแต่อย่างใด เป็นแต่กล่าวอ้างเฉพาะเฉยว่าได้ทำสัญญารประนีประนอมยอมเลิกความไม่ติดใจว่ากล่าวกันต่อไป ดังนี้ หาเป็นหลักฐานอันจะเรียกได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาย ป.ม.กฎหมายแพ่งฯมาตรา ๘๕๐ ไม่ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน