คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลมีอำนาจให้ลงโทษจำเลยโดยให้นับโทษต่อจากโทษในคดีก่อนได้ อ้างฎีกา ที่ 1244/2473 ที่ 466/2476 พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ ม.3 ปัญหาข้อเท็จจริงการกำหนดโทษจำเลยที่อยู่ในขอบเขตต์ของกฎหมายนั้นอยู่ในดุลพินิจของศาลสมคบหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความว่าผู้ร้ายเปิดถุงเมล์ลัก เอาห่อบรรจุธนบัตร์ซึ่งธนาคารเมอรกันไตล์แลธนาคารฮ่องกงเชี่ยงไฮ้ส่งไปทางไปรษณีย์รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน ๑๐๙๕๐๐ บาท จำเลยได้ธนบัตร์เหล่านี้มาบางส่วนแล้ว จำหน่ายไปโดยรู้สึกว่าเป็นของร้าย
ศาลเดิมพิพากษาให้จำคุก ป.จำเลย ๔ ปี ส.จำเลย ๓ ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่ให้แก้คำตัดสินศาลเดิมฉะเพาะให้นับโทษ ป.ต่อจากโทษในคดีแดงที่ ๑๑๒๒/๒๔๗๖ ของศาลอาญา
จำเลยทั้ง ๒ ฎีกาอ้างเป็นข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อที่จำเลยฎีกาว่าศาลฟังคำพะยานบอกเล่าในข้อที่ว่าธนบัตร์ของธนาคารหายนั้นเห็นว่าศาลฟังโดยมีผู้แทนผู้จัดการแลสมุหบัญชีของธนาคารมาเบิกความ แลมีลูกจ้างของธนาคารผู้+เลขธนบัตร์ไว้ก่อนที่จะส่งเงินไป พะยานเหล่านี้จึงเป็นพะยานที่รู้เห็นด้วยตนเองทั้งสิ้นฎีกาข้อนี้จึงตกไป ส่วนข้อที่ว่าศาลมิได้ตรวจดูบัญชี ธนบัตร์กับบัญชีเลขของธนาคารแลไม่ได้รับสำเนาบัญชีนั้นจำเลยมิได้คัดค้านมาแต่ต้น แลข้อที่ว่าหน้าที่นำสืบไม่ใช่ของจำเลยก็ดี จะฟังข้อพิรุธของจำเลยลงโทษก็ดี แลไม่มีพะยานสนับสนุนก็ดี เห็นว่าศาลได้ฟังจากพะยานหลักฐานตามที่โจทก์นำสืบมาซึ่งล้วนแต่เป็นข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ซึ่งจำเลยฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ ม.๓ จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องนำสืบแก้ตัว และศาลก็ได้ฟังข้อเท็จจริงมาแล้ว ส่วนข้อที่ว่าจำเลยไม่ได้สมคบกันนั้น เห็นว่าเป็นข้อเท็จจริงแลข้อที่ศาลนับโทษ ป.ต่อจากคดีก่อนเห็นว่าศาลมีอำนาจนับโทษต่อได้ แลข้อที่ศาลลงโทษจำเลยหนักเบาก็อยู่ในวงเขตต์ของกฎหมายซึ่งเป็นดุลพินิจของศาล จำเลยฎีกาไม่ได้จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share