คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3737/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยทั้งหมดกับพวกได้ร่วมกันเล่นการพนันป๊อกแปดเก้าหรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายป๊อก มีวิธีการเล่นซึ่งดัดแปลงมาจากการเล่นแปดเก้าอันระบุไว้ในบัญชี ก.อันดับที่ 5 และการเล่นป๊อกอันระบุไว้ในบัญชี ก. อันดับที่ 11ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่า จำเลยทั้งหมดกับพวกเข้าพนันในการเล่นอย่างเดียว โดยมีวิธีการเล่นที่พลิกแพลงนำเอาการเล่นแปดเก้ากับการเล่นป๊อกเข้ามารวมกัน แล้วเรียกชื่อใหม่ว่าป๊อกแปดเก้าจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา แสดงว่าเข้าใจในวิธีการเล่นการพนันตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องแล้วเป็นอย่างดี คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องด้วยวาจาว่า จำเลยทั้งหมดกับพวกได้ร่วมกันเล่นการพนันป๊อกแปดเก้าหรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายป๊อก มีวิธีการเล่นตามที่แนบมาท้ายบันทึกเสนอฟ้องด้วยวาจา ทั้งนี้จำเลยที่ 24เป็นผู้จัดให้มีการเล่นขึ้นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน และจำเลยที่ 12 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ โดยมิได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดอนุญาตให้เล่นได้ และมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15พระราชบัญญัติ การพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3พระราชบัญญัติ การพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504 มาตรา 3 กับสั่งริบของกลาง และให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมายจำเลยทั้งยี่สิบสี่ให้การรับสารภาพตลอดข้อหา ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งยี่สิบสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2490 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504มาตรา 3 จำเลยที่ 7 และที่ 14 อายุ 17 และ 16 ปี ลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ลงกึ่งหนึ่ง คงปรับคนละ 500 บาทจำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา78 คนละกึ่งหนึ่งแล้ว จำเลยที่ 24 เป็นผู้จัดให้มีการเล่นและจำเลยที่ 12 เป็นเจ้ามือ คงจำคุกคนละ 3 เดือน และปรับคนละ 2,000บาท จำเลยที่ 7 และที่ 14 คงปรับคนละ 250 บาท จำเลยอื่นนอกนั้นคงปรับคนละ 500 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 12 และที่ 24ไว้มีกำหนดคนละ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ของกลางริบ กับให้จำเลยใช้สินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ โจทก์อุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษจำเลยที่ 12 และที่ 24ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 12 ฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ และจำเลยที่ 24 ฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน คนละ 4 เดือนสถานเดียว จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 2 เดือน โทษจำคุกจำเลยที่ 12 และที่ 24ไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยที่ 12 และที่ 24 ฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์ หรือลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 12 และที่ 24 ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามคำฟ้องของโจทก์กล่าวหาจำเลยถึง 3 กรณีด้วยกันคือ กรณีแรกหาว่าจำเลยกับพวกเล่นการพนันป๊อก ซึ่งเป็นการพนันในบัญชี ก. อันดับที่ 11 กรณีที่สองหาว่าจำเลยกับพวกเล่นการพนันแปดเก้าซึ่งเป็นการพนันในบัญชี ก. อันดับที่ 5 ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ส่วนกรณีที่สามหาว่าจำเลยกับพวกเล่นการพนันซึ่งมีลักษณะคล้ายป๊อก ทำให้จำเลยไม่อาจทราบได้ว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดข้อหาใดแน่ ถือได้ว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม และวิธีการเล่นตามข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องนั้น เป็นการเล่นอื่นใดนอกจากที่กล่าวมาในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติ การพนัน พ.ศ. 2478 อันมีโทษตามมาตรา 12 ข้อ 2 ซึ่งเบากว่าโทษฐานเล่นการพนันตามบัญชี ก. หรือบัญชี ข. ศาลอุทธรณ์จึงลงโทษจำเลยไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งหมดกับพวกได้ร่วมกันเล่นการพนันป๊อกแปดเก้าหรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายป๊อก มีวิธีการเล่นซึ่งดัดแปลงมาจากการเล่นแปดเก้าอันระบุไว้ในบัญชี ก. อันดับที่ 5 และการเล่นป๊อกอันระบุไว้ในบัญชี ก. อันดับที่ 11 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 จึงเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่า จำเลยทั้งหมดกับพวกเข้าพนันในการเล่นอย่างเดียว โดยมีวิธีการเล่นที่พลิกแพลงนำเอาการเล่นแปดเก้ากับการเล่นป๊อกเข้ามารวมกัน แล้วเรียกชื่อใหม่ว่าป๊อกแปดเก้าจำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อหา แสดงว่าเข้าใจในวิธีการเล่นการพนันตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องแล้วเป็นอย่างดี คำฟ้องของโจทก์หาได้กล่าวหาว่า จำเลยทั้งหมดกับพวกเข้าพนันในการเล่นใน 3 วิธีอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่จำเลยที่ 12 และที่ 24 ฎีกามาแต่อย่างใดไม่ ฎีกาของจำเลยทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นและการเล่นป๊อกแปดเก้าดังกล่าวเป็นการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายป๊อกอันระบุไว้ในบัญชี ก. อันดับที่ 11 ท้ายพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดโทษและลงโทษจำเลยทั้งหมดตามมาตรา 12 ข้อ 1 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน”
พิพากษายืน

Share