แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไปด้วยกันหลายคนมุ่งจะไปทำร้ายคนคนหนึ่งขณะทำร้ายมีคนออกมาห้ามจึงฟันผู้ห้ามตายอันเป็นการเกิดขึ้นโดยปัจจุบันทันด่วน และคดีไม่มีเหตุผลใดพึงสันนิษฐานว่าสมคบกันเพื่อใช้กำลังทำร้ายผู้ขัดขวางด้วยเช่นนี้ คนอื่นไม่มีผิดฐานทำร้ายผู้ห้ามด้วย การชัณสูตรพลิกศพนั้นเมื่อมีปลัดอำเภอและแพทย์ประจำตำบลเป็นผู้ชัณสูตรก็มาเบิกความรับรองในชัณสูตรนั้นด้วยแล้ว การที่แพทย์ผู้ทำการชัณสูตรมิได้มาเบิกความด้วย ไม่ทำให้การชัณสูตรพลิกศพนั้นเสียไป
ย่อยาว
ได้ความว่า จำเลยสมคบกันไปทำร้ายนายแก้วโดยความอาฆาตเว้นแต่นายลับจำเลยซึ่งไม่รู้เรื่องอาฆาต นายเส้ง จำเลยฟันนายแก้วบาดเจ็บสาหัส นายเกตออกมาห้าม นายไหม จำเลยได้ฟันนายเกตตาย โจทก์ฟ้องขอให้ ลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทุกคนมีผิดฐานเป็นตัวการฆ่านาย เกตและทำร้ายนายแก้วมีบาดเจ็บ นายเส้งนายไหมผิดตามมาตรา ๒๕๐ ข้อ ๓ ให้ประหารชีวิต นายลับผิดตามมาตรา ๒๔๙ ให้ จำคุก ๒๐ ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่านายไหม จำเลยผู้เดียวมีความผิดตามมาตรา ๒๔๙ จำคุกตลอดชีวิต นายเส้ง จำเลยผิดตามมาตรา ๒๕๖ ๒๕๗ ๖๓ ให้ จำคุก ๑๐ ปี นายลับ จำเลยผิดตาม มาตรา ๒๕๐ ๖๓ ให้ จำคุก ๕ ปี
โจทก์จำเลย ฎีกา จำเลย ฎีกาว่า การชัณสูตรผู้ตายใช้ไม่ได้ เพราะ โจทก์ไม่ได้ อ้างแพทย์ผู้ทำการชัณสูตรผู้ตายใช้ไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ได้อ้างแพทย์ผู้ทำการชัณสูตรมาสืบประกอบ โจทก์ ฎีกาว่า จำเลยคนควรมีผิดฐานเป็นตัวการด้วยกันตามคำ วินิจฉัยของ ศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า การชัณสูตรพลิกศพผู้ตายในคดีนี้ ถูกต้องตาม ประมวล วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๐ แล้ว เพราะมีปลัดอำเภอและแพทย์ประจำตำบลเป็นผู้ทำการชัณสูตร ปลัดอำเภอผู้ทำการชัณสูตรก็มาเบิกความเป็นพะยาน โจทก์รับรองใบชัณสูตรนั้นด้วยแล้ว การที่ แพทย์ผู้ทำการชัณสูตร มิได้มาเบิกความด้วยนั้น ไม่ทำให้การชัณสูตรพลิกศพนั้นเสียไป เพราะไม่มีบทบังคับที่ใดว่า แพทย์ต้องมาเบิกความด้วยในเมื่อมีหลักฐานพะยานอื่นพอฟังแล้ว ส่วนข้อที่ โจทก์ ฎีกานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมิได้สมคบกันมาฆ่านายเกต ++สมคบกันมาทำร้ายนายแก้ว นายเกตุออกห้าม นายไหม จำเลยจึงได้ฟันเอา เป็นการเกิดขึ้นในขอบเขตต์แห่งการที่ จำเลยสมคบกันมาทำร้ายนายแก้ว และไม่มีเหตุผลที่จะพึงสันนิษฐานว่า สมคบกันเพื่อใช้กำลังทำร้ายผู้ห้ามด้วย การฆ่านายเกตตายจึงเป็นเรื่องฉะเพาะตัวนายไหม จำเลยผู้เดียวเท่านั้น จึง พิพากษายืนตาม ศาลอุทธรณ์