คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3723/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยและทนายจำเลยไม่เข้าห้องพิจารณาตามที่เจ้าหน้าที่ศาลประกาศเรียก ทางเครื่องขยายเสียง คงมีแต่ทนายโจทก์เข้าห้องพิจารณาฝ่ายเดียว ถ้าหากทนายจำเลยทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำจนไม่ได้ยินประกาศเรียก จำเลยก็น่าจะเข้าไปในห้องพิจารณาและแถลงให้ศาลทราบ หากการขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยก็ชอบที่จะมาศาลและขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนั้นใหม่ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา205วรรคสอง แทนที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติไว้ กลับยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นเพื่อจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกา ดังนี้จำเลยมีเจตนาประวิงคดี เมื่อจำเลยไม่เข้าห้องพิจารณาตามเวลานัด การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาย่อมเป็นการชอบแล้ว

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกไปจากที่ดินพิพาท ให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งหลาย ได้ยกฟ้องแย้งของจำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ฎีกาของจำเลยข้อแรกนั้นข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งในสำนวนว่า ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดประเด็นพิพาทและกำหนดให้จำเลยเป็นฝ่ายนำสืบก่อน โดยนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกในวันที่ 3 กรกฎาคม 2524 เวลา 9.00 นาฬิกา แต่ก่อนที่จะถึงวันนัดทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าในวันนัดสืบพยานดังกล่าว ทนายจำเลยไม่ว่างเพราะติดสืบพยานที่ศาลอาญาซึ่งนัดไว้ก่อน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า จะให้เลื่อนคดีต่อเมื่อมีการสืบพยานที่ศาลอาญา ให้ทนายจำเลยแต่งตั้งผู้รับมอบฉันทะมาฟังคำสั่งในวันนัด แต่เมื่อถึงวันนัด ทนายจำเลยก็มิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้น แม้กระนั้นศาลชั้นต้นก็ยังอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 10 สิงหาคม 2524 เวลา 9.00 นาฬิกา ตามที่ทนายจำเลยขอไว้ในคำร้อง เมื่อถึงวันนัดทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกโดยอ้างว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ฝ่ายโจทก์คัดค้านว่าจำเลยประวิงคดี แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 17 กันยายน 2524 เวลา 9.00 นาฬิกา และกำชับให้จำเลยเตรียมพยานมาให้พร้อม มิฉะนั้นจะถือว่าไม่มีพยานมาสืบ ครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลย ไม่ปรากฏว่าจำเลยหรือทนายจำเลยมาศาลตามนัด เจ้าหน้าที่ศาลได้ทำรายงานเสนอต่อศาลเมื่อเวลา 10.10 นาฬิกา ว่าทนายโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยไม่มา และไม่ทราบเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นจึงออกนั่งพิจารณาและมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา แล้วเลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 15 ตุลาคม 2524 เวลา 9.00 นาฬิกา ต่อมาวันที่ 23 กันยายน 2524 ทนายจำเลยยื่นคำแถลงว่า ในวันนัดสืบพยานจำเลยนั้น จำเลยและทนายจำเลยมาศาลตั้งแต่เวลา 8.30 นาฬิกา และรอการเรียกเข้าห้องพิจารณาอยู่ถึงเวลา 10.00 นาฬิกา ทนายจำเลยมีความจำเป็นต้องไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำ เมื่อออกมาเจ้าหน้าที่ศาลกลับแจ้งว่าได้เรียกคู่ความเข้าห้องพิจารณาถึงสองครั้ง แต่ไม่เห็นฝ่ายจำเลยมา จึงรายงานต่อศาลและศาลมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาไปแล้ว ทนายจำเลยขอเข้าพบผู้พิพากษาผู้พิจารณาคดีและชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ศาลไม่ยอมรับฟังคำแถลงของทนายจำเลย จำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา จึงขอโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้เพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าทนายจำเลยมาศาลเมื่อเลิกการพิจารณาคดี ศาลได้แจ้งว่าไม่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรายงานกระบวนพิจารณาได้เนื่องจากทนายโจทก์กลับไปแล้ว ทนายจำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องเข้ามาหรือแถลงในขณะพิจารณาคดีเพื่อศาลจะได้ไต่สวนและมีคำสั่งในเรื่องนี้ก่อน การที่ทนายจำเลยยื่นแถลงคัดค้านโดยที่ศาลล่างยังไม่ได้พิจารณาและมีคำสั่งในเรื่องนี้เป็นการไม่ชอบ ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ตามที่นัดไว้ จำเลยและทนายจำเลยก็ไม่มาศาล ทั้งมิได้ยื่นคำร้องหรือคำแถลงอย่างหนึ่งอย่างใด ศาลชั้นต้นจึงพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว ศาลฎีกาเห็นว่าในวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยและทนายไม่เข้าห้องพิจารณาตามที่เจ้าหน้าที่ศาลประทับประกาศเรียกทางเครื่องขยายเสียง คงมีแต่ทนายโจทก์เข้าห้องพิจารณาฝ่ายเดียว ถ้าหากทนายจำเลยมัวไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำจนไม่ได้ยินเจ้าหน้าที่ศาลประกาศเรียกจำเลยซึ่งอ้างว่ามาศาลพร้อมกับทนายจำเลยก็น่าจะเข้าไปในห้องพิจารณาและแถลงให้ศาลทราบ แต่หาได้ปฏิบัติเช่นนั้นไม่ นอกจากนี้ถ้าหากการขาดนัดของจำเลยมิได้เป็นไปโดยจงใจในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยก็ชอบที่จะมาศาลและขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนั้นใหม่ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง แต่แทนที่จำเลยจะปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติไว้ กลับยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น เพื่อจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกา ตามพฤติการณ์ดังได้ความหมายเป็นลำดับ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีเจตนาจะประวิงคดี เมื่อจำเลยไม่เข้าห้องพิจารณาตามเวลานัด การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาย่อมเป็นการชอบแล้ว”

พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นฎีกา 1,000 บาท แทนโจทก์ทั้งสาม

Share