คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3717/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยหลอกลวงผู้เสียหาย 4 คนในเวลาเดียวกันเป็นการกระทำกรรมเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดหลายกรรมโดยเมื่อวันที่ ๑๔ และ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ จำเลยได้หลอกลวงผู้เสียหาย ๖ คนว่าจำเลยสามารถจัดส่งผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นความเท็จ ผู้เสียหายทั้งหกหลงเชื่อจึงมอบเงินให้จำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๙๑
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๙๑ รวม ๖ กระทง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิด ๓ กระทง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาว่า เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ เวลากลางวันผู้เสียหายทั้งสี่ไปพบจำเลยที่ร้านกาแฟในตลาดสิงห์บุรี จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสี่ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยเป็นผู้จัดส่งคนงานไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และสามารถจัดการให้ผู้เสียหายทั้งสี่ไปทำงานดังกล่าวได้ แต่ความจริงจำเลยไม่ได้เป็นคนจัดหาคนงานและไม่สามารถส่งผู้เสียหายไปทำงานดังกล่าวได้ ต่อมาวันที่ ๒๗ เดือนเดียวกันเวลากลางวันผู้เสียหายทั้งสี่ได้ไปพบและมอบเงินให้จำเลยคนละ ๒,๕๐๐ บาท เพราะหลงเชื่อจำเลย ดังนี้ เห็นว่าแม้มีผู้เสียหายถึง ๔ คน แต่การหลอกลวงและได้รับเงินอันเป็นทรัพย์สินจากการหลอกลวง จำเลยได้กระทำในวาระเดียวกันนั้นเอง ย่อมเป็นการกระทำกรรมเดียวกัน หาใช่หลายกรรมต่างกันตามมาตรา ๙๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญาดังฎีกาโจทก์ไม่
พิพากษายืน.

Share