คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3714/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ มาตรา 91 ตรีมิใช่ความผิดอันยอมความได้ ทั้งยังได้บัญญัติถึงการกระทำความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงคนหางานโดยทุจริตว่ามีงานให้ทำในต่างประเทศอันเป็นเท็จ จนเป็นเหตุให้ได้เงินหรือทรัพย์สินจากคนหางานนั้น เป็นความผิดอีกลักษณะหนึ่งต่างหากจากความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ดังนั้น แม้ศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยในความผิดตามมาตรา 91 ตรี แห่งพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ กลายเป็นไม่มีความผิดไปด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ จำเลยโดยเจตนาทุจริตหลอกลวงนายชาญชัย ชรินทร์ ผู้เสียหาย ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จอ้างว่าจำเลยสามารถส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นมีรายได้และสวัสดิการดี โดยต้องจ่ายค่าสมัครและค่าบริการต่าง ๆ ให้แก่จำเลย ซึ่งความจริงแล้ว จำเลยไม่สามารถส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศดังกล่าวให้มีรายได้และสวัสดิการดีตามที่กล่าวอ้าง การหลอกลวงของจำเลยดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินจำนวน 106,300 บาทให้แก่จำเลย จำเลยได้นำเงินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต และจำเลยจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 341 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30, 82, 91 ตรี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 106,300 บาท แก่ผู้เสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 91 ตรี การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุก 3 ปี คำให้การของจำเลยในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวนและทางนำสืบในชั้นพิจารณาของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี ความผิดอื่นให้ยก ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 106,300 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และยกคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 106,300 บาทแก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าผู้เสียหายทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยตามบันทึกเอกสารหมาย ป.จ.1 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) จำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 แล้ว จำเลยจะไม่มีความผิดฐานโดยทุจริตหลอกลวงว่าสามารถส่งคนหางานไปทำงานที่ต่างประเทศตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 91 ตรีหรือไม่ นั้น เห็นว่า ความผิดตามมาตรา 91 ตรี มิใช่ความผิดอันยอมความได้ ทั้งยังได้บัญญัติถึงการกระทำความผิดเกี่ยวกับการที่ไปหลอกลวงคนหางานโดยทุจริตว่ามีงานให้ทำในต่างประเทศ ซึ่งเป็นเท็จ จนเป็นเหตุให้ได้เงินหรือทรัพย์สินจากคนหางานนั้น จึงเป็นความผิดอีกลักษณะหนึ่งต่างหากจากความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ดังนั้น แม้ศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง ก็ไม่ทำให้การกระทำความผิดตามมาตรา 91 ตรี แห่งพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 กลายเป็นไม่มีความผิดไปด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share