คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3700/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ระบุในฟ้องชัดเจนว่า จำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทการค้าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอัดเม็ด แต่ไม่เคยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอัดเม็ดด้วยตนเองเพียงแต่ขายให้แก่ผู้ส่งออกอีกทอดหนึ่งเป็นการขายที่จำเลยมิได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากรฯ มาตรา 81(1)(ก) จำเลยไม่มีสิทธิขอภาษีซื้อคืน แต่จำเลยยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.30 ขอคืนภาษีซื้อด้วยเงินสดอันเป็นการสำแดงภาษีซื้อที่เป็นเท็จ เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานของโจทก์หลงเชื่อคืนภาษีซื้อให้แก่จำเลย จึงเป็นกรณีที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยไม่ใช่ผู้ประกอบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการประกอบกิจการขายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอัดเม็ดในราชอาณาจักร แต่จำเลยกลับยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและขอคืนภาษีซื้อเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานของโจทก์คืนภาษีซื้อให้แก่จำเลย เมื่อจำเลยไม่มีสิทธิได้รับภาษีซื้อดังกล่าวคืน จำเลยจึงต้องคืนเงินภาษีดังกล่าวให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย คำฟ้องของโจทก์จึงมีมูลหนี้ที่แน่ชัด เมื่อคำฟ้องของโจทก์ระบุถึงมูลหนี้และเหตุที่จำเลยจะต้องชำระแก่โจทก์ โดยชัดแจ้งแล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินภาษีและชำระภาษีพร้อมเบี้ยปรับแก่โจทก์รวม 2,181,017.69 บาท ให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยภาษีที่ต้องคืนจำนวน2,013,736.31 บาท อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยกระทำตามระเบียบกรมสรรพากรอย่างถูกต้อง การคืนภาษีและการตรวจภาษีเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานโจทก์ จำเลยขอให้รายละเอียดในชั้นพิจารณา ขอให้ยกฟ้อง

ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันชี้สองสถานศาลภาษีอากรกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยต้องคืนเงินค่าภาษีพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์หรือไม่ ทนายโจทก์นำเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรมาแถลงว่า เงินค่าภาษีที่จำเลยขอคืนตามฟ้องเป็นเงินค่าภาษีซื้อที่จำเลยจ่ายในการซื้อวัสดุก่อสร้างมาทำการก่อสร้างโกดังบรรจุมันสำปะหลังที่เป็นอาชีพของจำเลยและค่าภาษีซื้อของค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าและค่าโทรศัพท์ของสำนักงานจำเลย ทนายโจทก์และทนายจำเลยแถลงรับกันว่าจำเลยจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเฉพาะประเภทการค้าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอัดเม็ดอย่างเดียว มิได้จดทะเบียนขายภายในประเทศ จำเลยไม่เคยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอัดเม็ดเอง เพียงแต่ขายให้ผู้อื่นส่งออกนอกประเทศ และยอดเงินตามฟ้องถูกต้อง ศาลภาษีอากรกลางเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนตามมาตรา 77/1(6) แห่งประมวลรัษฎากร ย่อมมีสิทธิขอภาษีคืนหรือนำไปหักในการคำนวณภาษี เว้นแต่เป็นภาษีซื้อที่ต้องห้ามตามมาตรา 82/5 ตามประมวลรัษฎากร โจทก์จึงต้องบรรยายฟ้องว่าจำเลยไม่มีสิทธิขอภาษีซื้อคืนในกรณีใดบ้าง หาใช่บรรยายแต่เพียงว่าจำเลยไม่มีสิทธิขอภาษีซื้อคืนเท่านั้นไม่ คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยไม่เคยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอัดเม็ดด้วยตนเอง เพียงแต่ขายให้แก่ผู้ส่งออกอีกทอดหนึ่งเท่านั้น จึงเป็นการขายที่จำเลยมิได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร ตามมาตรา 81(1)(ก)จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอภาษีซื้อคืน อันมิใช่เหตุตามบทกฎหมายดังกล่าว ฟ้องโจทก์จึงไม่มีมูลหนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์โจทก์ว่า คำฟ้องโจทก์มีมูลหนี้ตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า การขายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอัดเม็ดที่มิใช่การส่งออกเป็นการประกอบกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81(1)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร แต่มาตรา 81/3(1) ก็บัญญัติให้ผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการดังกล่าวขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณจากภาษีขายหักจากภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษีตามมาตรา 82/3 ได้ ดังนั้น หากผู้ประกอบการมิได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับกิจการขายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอัดเม็ดในราชอาณาจักร ผู้ประกอบการย่อมไม่มีสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับกิจการดังกล่าวตามมาตรา 82/3 โจทก์ระบุในคำฟ้องชัดเจนว่า จำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทการค้าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอัดเม็ดเท่านั้น แต่จำเลยไม่เคยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอัดเม็ดด้วยตนเองเลยเพียงแต่ขายให้แก่ผู้ส่งออกอีกทอดหนึ่ง จึงเป็นการขายที่จำเลยมิได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร มาตรา 81(1) ก. (ที่ถูกคือมาตรา 81(1)(ก)) จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอภาษีซื้อคืน แต่จำเลยยังยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.30 ขอคืนภาษีซื้อด้วยเงินสดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2535 ถึงเดือนธันวาคม2539 รวม 48 ฉบับ เป็นการสำแดงภาษีซื้อที่เป็นเท็จ เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานของโจทก์หลงเชื่อคืนภาษีซื้อให้แก่จำเลยจำนวน 2,013,736.31 บาท เมื่อโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่มีสิทธิได้รับเงินภาษีซื้อคืน โจทก์จึงมีหนังสือแจ้งให้จำเลยนำเงินดังกล่าวมาคืนให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย แต่จำเลยไม่ยอมคืน จึงเป็นกรณีที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยไม่ใช่ผู้ประกอบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการขายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอัดเม็ดในราชอาณาจักร แต่จำเลยกลับยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและขอคืนภาษีซื้อเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานของโจทก์คืนภาษีซื้อให้แก่จำเลย เมื่อจำเลยไม่มีสิทธิได้รับภาษีซื้อดังกล่าวคืน จำเลยจึงต้องคืนเงินภาษีดังกล่าวให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย โจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าภาษีซื้อที่จำเลยนำมาหักจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร ตามที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยแต่ประการใด คำฟ้องของโจทก์จึงมีมูลหนี้ที่แน่ชัด เมื่อคำฟ้องของโจทก์ระบุถึงมูลหนี้และเหตุที่จำเลยจะต้องชำระแก่โจทก์โดยแจ้งชัดแล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องอ้างว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย กรณีมีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลภาษีอากรกลางดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษายกคำสั่งศาลภาษีอากรกลางที่ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย และคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ให้ศาลภาษีอากรกลางดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share