แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายและจำเลยไปซื้อพริกด้วยกัน ขณะที่ผู้เสียหายกำลังก้มลงเลือกพริกอยู่ จำเลยบอกผู้เสียหายว่าเงินในกระเป๋าจะตกพร้อมกับหยิบเอาห่อพลาสติกซึ่งผู้เสียหายใส่เงิน 2,200 บาท จากกระเป๋าเสื้อของผู้เสียหายมาถือไว้ผู้เสียหายจึงบอกให้จำเลยถือไว้ให้ดีอย่าให้ตกหาย แล้วเลือกพริกต่อไปอีกประมาณ 10 นาที เมื่อเงยหน้าขึ้นปรากฏว่าจำเลยเอาเงินของผู้เสียหายหลบหนีไปเสียแล้วเช่นนี้ การครอบครองเงินจำนวนนี้ยังอยู่กับผู้เสียหายการที่จำเลยเอาเงินของผู้เสียหายไป จึงมีความผิดฐานลักทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอก เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2521)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2519 เวลากลางวัน จำเลยได้ครอบครองและรักษาทรัพย์จำนวน 2,200 บาทของนางพินหรือพลิน เสริมชื่อ ไว้ แล้วบังอาจเบียดบังเอาเงินสดจำนวน 2,200 บาทไปเป็นของจำเลยโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่ยักยอก ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสามพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โดยมติที่ประชุมใหญ่ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่าขณะที่ผู้เสียหายกำลังก้มลงเลือกพริกอยู่ จำเลยบอกผู้เสียหายว่าเงินในกระเป๋าจะตกพร้อมกันนั้นจำเลยก็หยิบเอาห่อพลาสติกซึ่งผู้เสียหายใส่เงิน 2,200 บาท จากกระเป๋าเสื้อของผู้เสียหายมาถือไว้ ผู้เสียหายจึงบอกให้จำเลยถือไว้ให้ดี อย่าให้ตกหายแล้วก็เลือกพริกต่อไปอีกประมาณ 10 นาที เมื่อเงยหน้าขึ้นจะเอาเงินจากจำเลยให้ค่าพริก ปรากฏว่าจำเลยเอาเงินของผู้เสียหายหลบหนีไปเสียแล้วเช่นนี้ ผู้เสียหายมิได้มอบการครอบครองเงินจำนวน 2,200 บาทแก่จำเลยการครอบครองเงินจำนวนนี้ยังอยู่กับผู้เสียหายความผิดฐานยักยอกทรัพย์นั้นผู้กระทำความผิดต้องครอบครองตัวทรัพย์โดยเด็ดขาด การที่จำเลยเอาเงินของผู้เสียหายไปจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ศาลจะลงโทษไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ
พิพากษายืน