คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทและเรือนที่โจทก์นำยึดนั้น จำเลยและผู้ร้องได้รับมรดกจากบิดามารดายังมิได้มีการตกลงแบ่งกัน ต้องถือว่าที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของจำเลย และผู้ร้องทุนคนครอบครองร่วมกัน โจทก์มีสิทธินำยึดได้
หมายเหตุ ผู้ร้องขัดทรัพย์และโจทก์พิพาทกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งมีราคา (สำนวนละ) ไม่เกิน 2,000 บาท โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้ผู้ร้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้ จึงแสดงว่าข้อพิพาทในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน แม้จะมีราคาไม่เกิน 2,000 บาท ก็อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรค 2

ย่อยาว

ผู้ร้องทั้ง ๖ สำนวนร้องขัดทรัพย์ใจความอย่างเดียวกันว่า ที่ดินและเรือนที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องและจำเลยได้รับมรดกมา ได้แบ่งกันแล้ว ทุกคนครอบครองที่ดินตามส่วนที่ได้รับ ขอให้ถอนการยึด
โจทก์ต่อสู้ว่า ที่ดินและเรือนของจำเลย
ศาลชั้นต้นเห็นว่าผู้ร้องครอบครองที่พิพาทและเรือน จำเลยไม่ได้เป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว ให้ถอนการยึด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของจำเลยและผู้ร้องร่วมกันมิใช่ของผู้ร้องฝ่ายเดียว ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลอุทธรณ์ และเห็นว่า ยังมิได้มีการตกลงแบ่งที่ดินและเรือนพิพาทระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง ต้องถือว่าที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของจำเลยและผู้ร้องทุกคนครอบครองร่วมกัน โจทก์จึงมีสิทธิยึดที่ดินและเรือนพิพาทได้ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัย พิพากษายืน.

Share