แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วิธีพิจารณาอาญาฟ้อง บรรยายฟ้อง บรรยายความพอเป็นฟ้องหรือไม่
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า (๑) เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๗๗ เจ้าพนักงานตรวจค้นเรือนจำเลยได้ธนบัตร์ปลอมฉะบับละ ๕ บาท ๑ ฉบับ สตางค์สิบปลอม ๙๑ อันเหรียญสองสลึงปลอม ๑ เหรียญ จึงจับจำเลยพร้อมทั้งของกลาง
(๒) จำเลยให้การรับชั้นไต่สวนว่าธนบัตร์ปลอมนั้น ล.นำมาใช้หนี้ ส่วนสตางค์ปลอมนั้นซื้อจาก ท.คือสตางค์ปลอม ๑๐ บาท เอาเงินดีซื้อ ๖ บาท เห็นว่าจำเลยมีความผิด จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมาย ลักาณอาญาแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๔๗๕ ม.๒๐๓ ข้อ ๓
ศาลเดิมพิพากษาให้ยกฟ้อง อ้างว่าโจทก์ไม่ได้กล่าวหาว่าจำเลยทำผิดอย่างใดในฟ้องไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องควรรับไว้พิจารณา และพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา ๒๐๓ ข้อ ๓ ประกอบด้วยมาตรา ๒๐๘ ให้จำคุก ๕ ปี
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์ที่บรรยายมาทั้ง ๒ ข้อประกอบกับคำขอท้ายฟ้องแล้วเห็นว่าโจทก์ได้กล่าวข้อความในฟ้องชัดเจนแล้ว จึงเป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา แลพิพากษาให้ลงโทษจำเลยยืนตามศาลอุทธรณ์