คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3693/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การยอมรับว่า จำเลยได้ทำสัญญาซื้อเครื่องจักรพิพาทจากโจทก์และยังค้างชำระราคาเครื่องจักรพิพาทแก่โจทก์จริงตามฟ้อง แต่จำเลยได้ยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ว่า เครื่องจักรพิพาทที่โจทก์ส่งมอบแก่จำเลยมีความบกพร่องไม่สามารถห่อเทียนไขด้วยฟิล์มหดได้ดีเหมือนกับห่อด้วยแรงงานคนตามที่ตกลงซื้อขายกัน จำเลยจึงมีภาระการพิสูจน์หรือมีหน้าที่นำสืบก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาซื้อเครื่องจักรห่อสินค้าด้วยฟิล์มหดความเร็วสูงจากโจทก์ โจทก์ได้ส่งมอบเครื่องจักรแก่จำเลยและติดตั้งรวมทั้งทดลองเดินเครื่องเรียบร้อยแล้ว แต่จำเลยผิดสัญญาไม่ยอมชำระเงินส่วนที่เหลือแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๑,๑๓๑,๒๕๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ในต้นเงินจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยตกลงซื้อเครื่องจักรพิพาทจากโจทก์ โดยจำเลยได้แจ้งและอธิบายการห่อเทียนไขด้วยแรงงานคนว่า เมื่อห่อเทียนไขด้วยฟิล์มและผ่านถ้ำความร้อน ฟิล์มจะหดตัวแนบพอดีกับเทียนไขให้โจทก์ทราบแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทขายเครื่องจักรหีบห่อแจ้งว่าเครื่องจักรพิพาทสามารถห่อฟิล์มและทำให้ฟิล์มหดตัวได้เช่นเดียวกับการใช้แรงงานคน จำเลยจึงตกลงซื้อเครื่องจักรพิพาทจากโจทก์ แต่เมื่อติดตั้งและทดลองเดินเครื่องแล้ว ปรากฏว่าเครื่องจักรพิพาทไม่สามารถทำงานได้ตามที่ตกลงกัน โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ซึ่งจำเลยได้บอกเลิกสัญญาแก่โจทก์แล้ว จำเลยจึงขอฟ้องแย้งให้โจทก์คืนเงินที่จำเลยชำระไปแล้วจำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ เยน คิดเป็นเงินไทยจำนวน ๑,๒๕๐,๐๐๐ บาท แก่จำเลย พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยชำระเงินจนถึงวันฟ้องแย้ง คิดเป็นค่าดอกเบี้ยจำนวน ๓๔๑,๙๑๗ บาท และค่าเสียหายที่จำเลยต้องเสียประโยชน์จากการไม่ได้ใช้เครื่องจักรพิพาทเป็นเงินอีกจำนวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์ใช้เงินจำนวน ๓,๐๙๑,๙๑๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ขายเฉพาะเครื่องจักรห่อสินค้าให้แก่จำเลยตามความประสงค์ของจำเลย ส่วนถ้ำความร้อนและฟิล์มเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องจัดหาเอง ไม่ใช่ความรับผิดชอบของโจทก์ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และยกฟ้องแย้งจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๓๘ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกินจำนวน ๑๓๑,๒๕๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยให้การยอมรับว่า จำเลยได้ทำสัญญาซื้อเครื่องจักรพิพาทจากโจทก์และยังค้างชำระราคาเครื่องจักรพิพาทแก่โจทก์จริงตามฟ้อง แต่จำเลยได้ยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ว่า เครื่องจักรพิพาทที่โจทก์ส่งมอบแก่จำเลยมีความบกพร่อง ไม่สามารถห่อเทียนไขด้วยฟิล์มหดได้ดีเหมือนกับห่อด้วยแรงงานคนตามที่ตกลงซื้อขายกัน จำเลยจึงมีภาระการพิสูจน์หรือมีหน้าที่นำสืบก่อน ตามรูปเรื่องที่คู่ความนำสืบมาคงฟังได้แต่เพียงว่าโจทก์ได้ส่งมอบเครื่องจักรพิพาทซึ่งมีประสิทธิภาพตามที่คู่สัญญาระบุไว้ในสัญญาซื้อขายเครื่องจักรให้แก่จำเลย และจำเลยได้รับมอบเครื่องจักรพิพาทซึ่งอยู่ในสภาพใช้การได้เรียบร้อยตามที่ระบุในใบรับบริการแล้ว แต่ฟังไม่ได้ว่าขณะทำสัญญาซื้อขาย โจทก์ได้ตกลงขายเครื่องจักรห่อเทียนไขด้วยฟิล์มหดต้องมีประสิทธิภาพดีถึงขนาดเทียบเท่ากับห่อด้วยแรงงานคนแก่จำเลยตามที่จำเลยอ้าง ถือว่าโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ขายครบถ้วนแล้ว จำเลยในฐานะผู้ซื้อจึงมีหน้าที่ต้องชำระราคาเครื่องจักรส่วนที่เหลือแก่โจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะยึดหน่วงราคาเครื่องจักรดังกล่าวไว้ได้
อนึ่ง กรณีตามคำฟ้องและอุทธรณ์ของโจทก์ไม่จำต้องเสียค่าขึ้นศาลในอนาคตตามข้อ ๔ ของตาราง ๑ ค่าขึ้นศาลท้าย ป.วิ.พ. แต่โจทก์ได้เสียค่าขึ้นศาลในอนาคตสำหรับคำฟ้องและอุทธรณ์ของโจทก์มาด้วย และศาลล่างทั้งสองยังมิได้ส่งคืนให้แก่โจทก์ ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งคืนให้แก่โจทก์
พิพากษายืน แต่ให้คืนค่าขึ้นศาลในอนาคตชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ชั้นศาลละ ๑๐๐ บาท แก่โจทก์.

Share