คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3688/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

หนี้ทั้งสองรายที่โจทก์และจำเลยกล่าวอ้างเกิดจากการที่จำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์อันเป็นหนี้เงินและทั้งสองฝ่ายต่างอ้างว่าถึงกำหนดชำระแล้ว ซึ่งหากโจทก์เป็นหนี้จำเลยจริงจำเลยย่อมอาจใช้สิทธิขอหักกลบลบหนี้ได้ เนื่องจากหนี้นั้นมีวัตถุประสงค์แห่งหนี้เป็นอย่างเดียวกัน ถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมและเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคสาม
(คำสั่งศาลฎีกา)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อปี 2543 จำเลยได้สั่งซื้อชิ้นส่วนบรรจุภัณฑ์เครื่องอุปโภคจากโจทก์หลายรายการ เมื่อครบกำหนดชำระราคาสินค้าแล้ว จำเลยผิดนัดไม่ชำระราคาสินค้าดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 2,757,472.67 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 2,402,315.95 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ระหว่างปี 2536 ถึง 2538 จำเลยได้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ โดยโจทก์ตกลงว่าจำเลยมีสิทธิได้รับส่วนลดราคาสินค้าจากปริมาณสินค้าที่สั่งซื้อและให้จำเลยมีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่โจทก์ส่งมาจำหน่ายให้แก่จำเลย เมื่อคิดหักกลบลบหนี้กันแล้วโจทก์ยังคงเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์ชำระเงินจำนวน 35,312.80 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งรับคำให้การส่วนฟ้องแย้งของจำเลยเป็นข้ออ้างเกี่ยวกับสิทธิที่เกิดจากการซื้อขายสินค้าระหว่างปี 2536 ถึง 2538 ขณะที่โจทก์ฟ้องเรียกราคาสินค้าที่ซื้อภายในปี 2543 ฟ้องแย้งของจำเลยไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยอุทธรณ์ข้อแรกว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมนั้น เห็นว่า หนี้ทั้งสองรายที่โจทก์และจำเลยกล่าวอ้างดังกล่าวเกิดจากการที่จำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์อันเป็นหนี้เงินและทั้งสองฝ่ายต่างอ้างว่าถึงกำหนดชำระแล้ว ดังนี้ หากฟังได้ว่าโจทก์เป็นหนี้จำเลยจริง จำเลยย่อมอาจใช้สิทธิขอหักกลบลบหนี้ได้ เนื่องจากหนี้นั้นมีวัตถุแห่งหนี้เป็นอย่างเดียวกัน จึงถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมและเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคสาม ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งมานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป”
พิพากษากลับ ให้รับฟ้องแย้งของจำเลยไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษา

Share