แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวนหนึ่งได้จำหน่ายไปแล้วส่วนหนึ่ง ยังคงเหลืออยู่อีกส่วนหนึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรม คือมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน
จำเลยจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่สายลับของเจ้าพนักงานที่ไปล่อซื้อ แม้สายลับไปซื้อเพื่อแสวงหาหลักฐานในการจับกุมจำเลยก็ตาม การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีน เพราะจำเลยมีเจตนาที่จะจำหน่ายเฮโรอีนอยู่ก่อนแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีน 1 ห่อกับอีกครึ่งหลอดกาแฟไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีน 1 ห่ออันเป็นส่วนหนึ่งของเฮโรอีนที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ฐานมีเฮโรอีนโดยมิได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 15, 66, 97, 102, 103 ริบเฮโรอีนของกลางและคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 66 ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายจำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำคุก 5 ปี รวมสองกระทงจำคุก 10 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งเป็นจำคุก 15 ปีริบเฮโรอีนของกลาง คืนธนบัตรของกลางให้เจ้าพนักงาน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า หลังจากจำเลยจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่สายลับไป 1 ห่อแล้ว เจ้าหน้าที่ยังค้นได้เฮโรอีนที่กระเป๋ากางเกงของจำเลยอีก 1 หลอด แสดงให้เห็นว่าจำเลยจำหน่ายเฮโรอีนให้สายลับไป 1 ห่อแล้ว จำเลยยังมีเฮโรอีนเหลืออยู่ในครอบครองอีก 1 หลอด จำเลยจึงมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 1 ห่อกับ 1 หลอด แม้เฮโรอีน 1 ห่อที่จำเลยจำหน่ายให้สายลับเป็นเฮโรอีนส่วนหนึ่งของเฮโรอีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายการกระทำของจำเลยก็แยกได้เป็นสองกรรมต่างหากจากกัน เพราะการมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเฮโรอีนเป็นความผิดซึ่งอาศัยเจตนาในการกระทำผิดแตกต่างแยกจากกันได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรม หาใช่ความผิดกรรมเดียวดังจำเลยฎีกาไม่
ที่จำเลยฎีกาว่า นายอนันตเดชให้สายลับไปล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยก็เพื่อความประสงค์สร้างพยานหลักฐานในการจับกุมกล่าวหาเป็นความผิดของจำเลยเท่านั้น พยานโจทก์มิได้มีความประสงค์ในการซื้อเฮโรอีนโดยแท้จริง จึงเท่ากับไม่มีเจตนาในการซื้อเฮโรอีนจากจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่สายลับที่นายอนันตเดชส่งไปล่อซื้อจากจำเลยแล้ว แม้สายลับไปซื้อเพื่อแสวงหาหลักฐานในการจับกุมจำเลยก็ตาม การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีน เพราะจำเลยมีเจตนาที่จะจำหน่ายเฮโรอีนอยู่ก่อนแล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา พิพากษาแก้เป็นว่าลดโทษให้แก่จำเลยหนึ่งในสาม