คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หน้าที่นำสืบบางกรณี แม้จะตกแก่จำเลยต้องนำสืบก็จริงแต่ถ้าโจทก์ได้ยอมรับข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นและคำรับของโจทก์เกี่ยวกับประเด็นโดยตรงแล้วจำเลยก็ไม่จำต้องสืบพยานตามหน้าที่นำสืบนั้นอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสำรวจและประเมินเก็บเงินค่าภาษีตึกของโจทก์5 คูหา และห้องแถว 1 ห้อง ผิดความจริง โจทก์จำต้องเสียภาษีให้และได้ยื่นคำร้องขอให้ประเมินภาษีใหม่ให้ถูกต้อง จำเลยสั่งยกคำร้องของโจทก์ จึงขอให้บังคับจำเลยประเมินภาษีใหม่และคืนเงินที่เก็บเกินไปแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ได้ประเมินค่ารายปีเพื่อเก็บภาษีโรงเรือนตึกแถวของโจทก์ตามอัตราที่สมควรอย่างยิ่งแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยประเมินค่ารายปีตึกแถวพิพาทสมควรแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาข้อกฎหมายเรื่องหน้าที่นำสืบตามประเด็น ข้อ 1 ว่า “ตามพฤติการณ์สภาพแวดล้อมเทียบเคียงกับโรงเรือนข้างต้น ค่าเช่าตึกของโจทก์นั้นต่ำเกินสมควรหรือไม่” เป็นหน้าที่จำเลยต้องนำสืบจริง แต่คู่ความได้ยอมรับข้อเท็จจริงกันแล้วว่าตึกแถวพิพาทโจทก์เรียกเงินค่าช่วยก่อสร้างจากผู้เช่าก่อนทำการเช่าทุกห้องและถ้าโจทก์ไม่ได้เรียกค่าช่วยก่อสร้าง โจทก์ก็ต้องเสียค่าเช่าตึกอย่างน้อยคูหาละ 250 บาทต่อเดือน แสดงว่า โจทก์ยอมรับแล้วว่าค่าเช่าตึกพิพาทนี้ โจทก์จะเรียกเก็บได้เดือนละ 250 บาทต่อเดือนถ้าไม่เรียกเก็บเงินค่าช่วยก่อสร้าง คำรับของโจทก์ดังกล่าวเกี่ยวกับประเด็นข้อนี้โดยตรง ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นฟังว่า ค่าเช่าตึกพิพาทที่โจทก์เก็บคูหาละ 100 บาท ต่ำไปไม่สมควร จึงมีข้อเท็จจริงตามคำรับของโจทก์สนับสนุน จำเลยไม่จำต้องสืบพยานตามหน้าที่นำสืบอีกและเห็นได้ชัดว่าโจกท์เรียกเก็บเงินค่าช่วยก่อสร้างเป็นประโยชน์ตอบแทนอีกส่วนหนึ่ง จึงเก็บค่าเช่าต่ำเพียง 100 บาท ถ้าถือเอาค่าเช่าดังกล่าวนี้เป็นหลักคำนวนค่ารายปี ก็จะเป็นทางให้หลีกเลี่ยงภาษีได้ง่าย จำเลยมีอำนาจแก้หรือคำนวนค่ารายปีเสียใหม่ได้ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 8 วรรค 2 ทั้งจำเลยคำนวนค่ารายปีตึกพิพาทใหม่คูหาละ 250 บาทต่อเดือนหรือปีละ 3,000 บาท ตามที่โจทก์แถลงรับนั่นเอง และเป็นอัตราที่สมควรจะให้เช่าได้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ ชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษายืน

Share