แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พนักงานเดินหมายนำประกาศแจ้งการขายทอดตลาดทรัพย์ไปปิดยังบ้านที่จำเลยที่ 3 มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านและจำเลยที่ 3 ยังคงอยู่หรือไปมาที่บ้านดังกล่าวถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศแจ้งการขายทอดตลาด ณ ที่อยู่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 3 ได้ทราบการขายทอดตลาดทรัพย์แล้ว เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งกรมบังคับคดีในเรื่องการแสดงใบมอบอำนาจก่อนเข้าสู้ราคา ประกอบกับราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อทรัพย์ประมูลได้ต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีและต่ำกว่าราคาประเมินของสำนักงานวางทรัพย์กลางมาก และหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์มีจำนวนไม่มากเมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่ดินและบ้านที่ประเมินไว้ จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งเสียหายจากการขายทอดตลาด ย่อมขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายและขอให้ขายทอดตลาดใหม่ได้.
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้จำนวน1,765,824.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยในต้นเงิน 1,200,000 บาท นับแต่วันฟ้อง หากจำเลยทั้งสามผิดนัดให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 ซึ่งจำนองประกันหนี้ออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์จนครบหากไม่ครบให้บังคับเอาทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามมาชำระหนี้จนครบ ครั้นครบกำหนดจำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์ขอให้บังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3มาทำการขายทอดตลาดในวันที่ 27 กันยายน 2531 เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ผู้ซื้อทรัพย์ไปเป็นเงิน 4,200,000 บาท
จตำเลยทั้งสามยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดไปโดยไม่ชอบเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้แจ้งประกาศกำหนดวันขายทอดตลาดให้จำเลยทั้งสามทราบก่อนวันขาย การขายทอดตลาดมีการสมรู้ระหว่างฝ่ายโจทก์กับผู้เข้าสู้ราคาโดยนายสมเจตน์ ชวนชาติ ได้เสนอราคาในนามของตนเองเป็นผู้ซื้อมิได้แสดงตนว่าซื้อในนามของผู้อื่น แต่ต่อมาอ้างว่าเป็นผู้รับมอบอำนาจจากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ให้มาเสนอราคาและได้แสดงใบมอบอำนาจภายหลังจากซื้อได้แล้ว เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งหมด 6,223,000 บาท สำนักงานวางทรัพย์กลางกรมบังคับคดีประเมินราคารวมทั้งหมด 10,261,482 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีขายให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ไปราคา 4,200,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีขายราคาต่ำมากเกินไป จำเลยทั้งสามเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีโดยเฉพาะจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ได้รับความเสียหาย การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทรัพย์ของจำเลยที่ 3 เป็นการปฏิบัติโดยไม่ถูกต้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหรือยกเลิกการขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2531 และให้มีการขายทอดตลาดใหม่
ผู้ซื้อทรัพย์คัดค้านว่า การขายทอดตลาดชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการขายทอดตลาดเมื่อวันที่27 กันยายน 2531 แล้ว ให้ดำเนินการขายทอดตลาดใหม่
ผู้ซื้อทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ปรากฏตามรายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดีลงวันที่ 24 มิถุนายน 2530 ซึ่งเป็นวันที่ผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินและบ้านพิพาทว่าเมื่อไปถึงที่ดินและบ้านพิพาทไม่พบจำเลยที่ 3 พบนางสายใจ พิทยานุการ มรดาของจำเลยที่ 3 แจ้งว่าจำเลยที่ 3 ไม่ได้อยู่ที่บ้านพิพาทไปอยู่ที่อื่นผู้แทนโจทก์จึงขอผัดแถลงภูมิลำเนาจำเลยที่ 3 ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงลงวันที่ 3 สิงหาคม 2530 ขอส่งสำเนาทะเบียนบ้านจำเลยที่ 3ซึ่งระบุว่าจำเลยที่ 3 อยู่ที่บ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 5 ซอยอารีย์ 4ตำบลสามเสนใน อำเภอพญาไท ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้แจ้งจำเลยที่ 3ทราบการยึดตามภูมิลำเนาที่โจทก์แถลงหากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมายปรากฏตามเอกสารที่กรมบังคับคดีส่งต่อศาลซึ่งอยู่ในสำนวนประกอบเอกสารสำเนาสำนวนการบังคับคดีซึ่งแยกต่างหาก พนักงานเดินหมายได้รายงานการเดินหมายแจ้งการยึดทรัพย์ในวันที่ 15 กันยายน 2530ว่า ได้ไปที่บ้านจำเลยที่ 3 เลขที่ดังกล่าวไม่พบจำเลยที่ 3 พบแต่นางสาวเขียวแจ้งว่าจำเลยที่ 3 ไปทำงานไม่ทราบจะกลับมาเมื่อใดพนักงานเดินหมายจึงปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาล ปรากฏตามรายงานการเดินหมายเอกสารหมาย ร.2 แผ่นที่ 3 เห็นได้ว่า จากรายงารการเดินหมายดังกล่าวแสดงว่าหลังจากผู้แทนโจทก์นำยึดบ้านพิพาทแล้วจำเลยที่ 3 ยังคงอยู่หรือไปมาที่บ้านพิพาท ทั้งจำเลยที่ 3 เองก็ยังมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านพิพาท จึงมีเหตุผลน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 3ยังคงมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านพิพาทจริง การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีปิดประกาศแจ้งการขายทอดตลาดที่บ้านพิพาทอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ตลอดมาจึงชอบแล้วทั้งการปิดประกาศทุกครั้งก็ปิดที่บ้านพิพาทมารดาจำเลยที่ 3 ซึ่งยังคงอยู่ที่บ้านพิพาทนั้นตลอดมาหลังการยึดทรัพย์แล้ว ก็น่าจะแจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบได้โดยง่ายเพราะจำเลยที่ 3 ทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร ฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ทราบการขายทอดตลาดในวันที่ 27 กันยายน 2531 แล้ว ปัญหาต่อไปมีว่า การขายทอดตลาดเป็นไปโดยชอบหรือไม่ นายสมเจตน์ชวนชาติ พยานผู้ซื้อทรัพย์เบิกความว่า พยานได้รับมอบอำนาจจากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ให้เป็นผู้ซื้อทรัพย์พิพาทในวันประกาศขายทอดตลาดแต่ยังไม่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายสมเจตน์ในวันนั้นพยานไปยังสถานที่ขายทอดตลาด ขณะจะเริ่มทำการขายทอดตลาด พยานได้สอบถามเจ้าพนักงานบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีแนะนำว่าให้พยานลงชื่อเป็นผู้ซื้อทรัพย์ไปก่อน เมื่อได้หนังสือมอบอำนาจแล้วให้ยื่นเสนอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทันที หลังจากพยานเป็นผู้ซื้อทรัพย์พิพาทได้แล้ว พยานเป็นผู้ลงลายมือชื่อในสัญญาซื้อขาย หลังจากทำสัญญาแล้วนายสมเกียรติได้นำหนังสือมอบอำนาจจากนายสมพงษ์มาให้พยานพยานแสดงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงได้แก้ไขชื่อผู้ซื้อจากพยานในฐานะส่วนตัวเป็นนายสมพงษ์ เห็นว่า หากนายสมเจตน์แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบก่อนขายทอดตลาดว่าเป็นผู้แทนเข้าประมูลสู้ราคาแทนผู้อื่นจริง เจ้าพนักงานบังคับคดีก็น่าจะบันทึกไว้ในรายงานเจ้าหน้าที่ว่านายสมเจตน์เป็นผู้ประมูลสู้ราคาแทนผู้อื่น แต่ก็ไม่ปรากฏในรายงานเจ้าหน้าที่ตามเอกสารหมาย ร.11 แต่อย่างใด ทั้งในรายงานการขายอสังหาริมทรัพย์ต่ออธิบดีกรมบังคับคดีตามเอกสารหมาย ร.12 แผ่นที่ 3 ก็ระบุว่านายสมเจตน์เองเป็นผู้เสนอราคาสูงสุด ผู้ซื้อทรัพย์ก็มิได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีมาเบิกความสนับสนุนข้ออ้างของตน ทำให้พยานของผู้ซื้อทรัพย์มีน้ำหนักน้อยไม่อาจรับฟังได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปฏิบัติตามคำสั่งกรมบังคับคดีที่ 110/2523 ข้อ 3 ตามเอกสารหมาย ร.10 ในเรื่องการแสดงใบมอบอำนาจก่อนเข้าสู้ราคานอกจากนี้ในการขายทอดตลาด เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2531 นั้น ราคาสูงสุดที่นายสมเจตน์ประมูลได้เป็นราคา 4,200,000 บาท ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นการขายในราคาต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีสองล้านบาทเศษและต่ำกว่าาราคาประเมินของสำนักงานวางทรัพย์กลางถึงหกล้านบาทเศษ ประกอบกับจำเลยที่ 3 ต้องรับผิดใช้หนี้ให้แก่โจทก์เป็นเงินเพียงหนึ่งล้านเจ็ดแสนบาทเศษพร้อมดอกเบี้ยเท่านั้น เป็นหนี้จำนวนไม่มากนักเมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่ดินและบ้านที่ประเมินเอาไว้ จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งเสียหายจากการขายทอดตลาด ย่อมขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายและขอให้ขายทอดตลาดใหม่ได้”
พิพากษายืน.