คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินที่กรมชลประทานซื้อมาขุดคลองและทำประตูน้ำแม้จะมีโฉนด ก็เป็นที่หลวงหวงห้าม จะยกอายุความครอบครองขึ้นต่อสู้ไม่ได้. การรังวัดสอบเขตต์ที่ดิน เจ้าพนักงานซึ่งทำหน้าที่อยู่ในที่ดินนั้น ไม่มีอำนาจเป็นผู้แทนรัฐบาลในการชี้เขตต์โดยมิได้รับการแต่งตั้ง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกปลูกชานหน้าหน้องแถวจำเลยคร่อมที่ดินริมคลองเจ้าเจ็ดเนื้อที่ ๓๓ ตารางวา และเก็บค่าเช่าจอดเรือในที่นั้นจากราษฎรโดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าที่พิพาทอยู่ในเชตต์โฉนดของจำเลยได้ปลูกชานและเก็บค่าเช่าจอดเรือมาแต่ครั้งเจ้าของเดิมนานกว่า ๒๐ ปีแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยรุกล้ำเขตต์ที่ของโจทก์ให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกให้พ้นที่พิพาท ส่วนค่าเสียหายให้ยก.
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่รายนี้ได้มีการรังวัดสอบเขตต์กันเรียบร้อยแล้วเป็นเวลา ๑๐ ปีเศษโดยไม่มีผู้ใดทักท้วง ฉะนั้นแม้พิจารณาในข้อครอบครองจำเลยก็ได้กรรมสิทธิ์ จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์.
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อถือเขตต์โฉนดของทั้ง ๒ ฝ่ายแล้ว ก็ปรากฏว่าจำเลยรุกล้ำเขตต์ที่ของโจทก์ ส่วนการรังวัดสอบเขตต์เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๘ นั้นมีข้อบกพร่องหลายประการเช่นเจ้าของที่ดินข้างเคียงเลขที่ ๒๕ ไม่ได้ลงนามรับรอง ขุนเลิศนายประตูน้ำเจ้าเจ็ดผู้ลงนามรับรองเขตต์ที่ของโจทก์ก็หาได้เป็นผู้แทนของโจทก์โดยชอบ เพราะไม่ได้รับมอบฉันทะ การรังวัดปรากฏว่าคลาดเคลื่อนกับแผนที่หลังโฉนด แต่ก็หาได้มีการแก้ทะเบียนให้ถูกต้องไม่ ฉะนั้นการรังวัดทั้งนี้จึงฟังลบล้างแผนที่หลังโฉนดไม่ได้และโจทก์ได้กล่าวในฟ้องแล้วว่าที่รายนี้เป็นที่หลวงหวงห้าม ฉะนั้นจำเลยจึงยกอายุความครอบครองขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินไม่ได้จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น.

Share