แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
ศาลเดิมลงโทษฐานปล้นตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๐๑ จำคุก ๑๐ ปี ศาลอุทธรณ์แก้เปนลักทรัพย์วางบท ๒๙๖ จำคุก ๕ ปี
โจทย์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานปล้น
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลเดิม
โจทย์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้น
ได้ความว่า ค.จำเลยมีกฤช น.จำเลยมีมีด แลมีพวกถือมีดอีก ๒ คน ถือปืน ๑ คนมาไล่กระบือของ บ.ที่เลี้ยงอยู่ตำบลทุ่งลานไปภรรยา บ.กับ ย.เห็นจำเลย จึงวิ่งมาบอก บ.แลผู้ใหญ่บ้าน พวกเจ้าของกระบือแลผู้ใหญ่บ้านติดตามไปพบจำเลย เมื่อพวกจำเลยเห็นพวกเจ้าของกระบือตามทัน จำเลยกับพวกก็วิ่งหนีแต่คนที่ถือปืนทำท่าจะยิงมาทางพวกเจ้าของกระบือ แลพูดขู่ว่าอย่าเข้ามา แล้วคนนั้นก็วิ่งตามจำเลยไป พวกเจ้าของกระบือยังเห็นตัวจำเลยกับพวกที่วิ่งหนี แต่ไม่กล้าไล่ต่อไป แลพากันต้อนกระบือกลับมา
ศาลล่างตัดสินจำคุกจำเลยคนละ ๑๐ ปี ฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา ๓๐๑
ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าจำเลยมีความผิดเพียงฐานลักทรัพย์ตามมาตรา ๒๙๖ ให้จำคุกจำเลยคนละ ๕ ปี
โจทย์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้น
ฎีกาตัดสินว่า จำเลยกับพวกรวม ๕ คนมีอาวุธปืนแลมีดครบมือกันบังอาจมาไล่กระบือไปต่อหน้าพวกเจ้าของกระบือ แสดงให้เห็นว่าพวกจำเลยสมคบกันเตรียมอาวุธมาเพื่อต่อสู้เมื่อพวกเจ้าของกระบือไม่กล้าขัดขวาง พวกจำเลยจึงไล่กระบือไป ครั้นพวกเจ้าของกระบือหลายคนติดตามมาพบจำเลยกับพวกกำลังไล่กระบือ พวกของจำเลยคนหนึ่งยกปืนขึ้นจะยิง เพื่อไม่ให้พวกเจ้าของกระบือติดตามต่อไปในเวลาที่จำเลยกับพวกวิ่งหนียังเห็นตัวอยู่ดังนี้ เห็นว่ากิริยาที่จำเลยกับพวกทำมานั้นเปนความผิดฐานปล้นตามมาตรา ๓๐๑ ให้ลงโทษจำเลยตามศาลเดิม