คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3658/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 จำคุก 2 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดเวลา 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา56เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จำเลยฎีกาว่าแผนที่เกิดเหตุพนักงานสอบสวนทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องข้อเท็จจริง จำเลยจึงปฏิเสธไม่ยอมลงชื่อ จะนำมาใช้ยันจำเลยไม่ได้ เป็นทำนองว่าการรับฟังพยานเอกสารไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณานั้น เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยอาศัยแผนที่เกิดเหตุดังกล่าวเลย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4), 157

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4), 157 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนัก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำเลยไว้มีกำหนดเวลา 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยเพียง 2 เดือน แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 คดีนี้ก็เป็นคดีที่ห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฯลฯฎีกาของจำเลยที่ว่า แผนที่เกิดเหตุตามเอกสารหมาย จ.1 พนักงานสอบสวนทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องข้อเท็จจริง จำเลยจึงปฏิเสธไม่ยอมลงชื่อ จะนำมาใช้ยันจำเลยไม่ได้เป็นทำนองว่าการรับฟังเอกสารไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณานั้น ก็ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยอาศัยพยานเอกสารคือแผนที่เกิดเหตุเลย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามนัยแห่งกฎหมายดังกล่าว

พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลย

Share