แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จ.ขายฝากที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์รับซื้อไว้โดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสุจริต กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทย่อมตกเป็นของโจทก์ตั้งแต่วันขายฝากตาม ป.พ.พ.มาตรา 491 ดังนั้น แม้จำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปีจนได้กรรมสิทธิ์และศาลพิพากษาให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทก็ตาม เมื่อจำเลยมิได้จดทะเบียนการได้มาในที่ดินพิพาทจำเลยก็ไม่อาจยกขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง คำพิพากษาของศาลดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ และใช้ยันโจทก์ไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสร้างบ้านเลขที่ 477 ในที่ดินโฉนดเลขที่6339 ของโจทก์ ที่ได้มาจากการขายฝากของนางจิรวรรณ โดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมาจำเลยร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินของโจทก์โดยไม่ระบุว่าโจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยทำให้โจทก์เสียหายขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่6339 ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านเลขที่ 477 พร้อมสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นออกไปจากที่ดินและใช้ค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้อง
จำเลยให้การว่า จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่6339 โดยการครอบครองปรปักษ์ตามคำสั่งศาลชั้นต้น คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 6339 เลขที่ดิน 65 หน้าสำรวจ 845 ตำบลบางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการเป็นของโจทก์ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านเลขที่ 477 หมู่ที่ 4ออกไปจากที่ดินของโจทก์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 1,000บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้นำสืบโต้แย้งกันฟังยุติว่าเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2529 นางจิรวรรณ ดุลยพฤกษ์ได้นำที่ดินพิพาทไปขายฝากโจทก์ไว้เป็นเงิน 399,000 บาท กำหนดเวลาไถ่คืนภายใน 1 ปีตามสัญญาขายฝากเอกสารหมาย จ.1 และได้จดทะเบียนไว้ต่อเจ้าพนักงานตามเอกสารหมาย จ.2 ครั้นครบกำหนดนางจิรวรรณไม่ไถ่ที่ดินพิพาทคืน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2530 จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ ศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 21เมษายน 2531 ให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท คดีถึงที่สุด
พิเคราะห์แล้ว คดีมีประเด็นที่จะวินิจฉัยว่า โจทก์หรือจำเลยมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่ากัน เห็นว่า นางจิรวรรณขายฝากที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2529 โจทก์รับซื้อที่ดินพิพาทโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสุจริต กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทย่อมตกเป็นของโจทก์ตั้งแต่วันขายฝาก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 491 ดังนั้น แม้จะฟังได้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จนได้กรรมสิทธิ์และศาลพิพากษาให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทก็ตาม เมื่อจำเลยมิได้จดทะเบียนการได้มาในที่ดินพิพาทจำเลยก็ไม่อาจยกขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง คำพิพากษาของศาลดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันโจทก์และใช้ยันโจทก์ไม่ได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นชอบด้วยในผลฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.