คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงขายที่นาให้โจทก์โจทก์ชำระราคาให้เป็นส่วนใหญ่แล้ว คงค้างอีก 700 บาท ซึ่งโจทก์จะชำระให้หมดในวันโอนทะเบียน จำเลยบิดพลิ้วไม่ยอมโอนจำเลยให้การว่าตกลงขายนาตามฟ้องให้โจทก์และรับเงินราคานาแล้ว 2,000 บาท จริงที่เหลือ 1,000 บาท โจทก์จะชำระให้ในปีรุ่งขึ้นเมื่อโจทก์ปฏิบัติตามนี้ จำเลยจึงจะโอนนาให้โจทก์ และทำสัญญาซื้อขาย แต่โจทก์ผิดนัดไม่ชำระเงินที่เหลือ จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาและไม่โอนที่ดินให้ปัญหาที่จะต้องพิจารณาในเบื้องแรกจึงมีว่า ข้อสัญญามีว่าโจทก์ต้องชำระเงินที่เหลือ 700 บาทจำเลยจึงจะไปโอนทะเบียนหรือไม่และถ้าเช่นนั้นใครเป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงชอบที่จะฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงขายที่นามือเปล่าให้โจทก์ในราคา 3,000 บาท เมื่อตกลงซื้อขายกันแล้ว จำเลยก็มอบนาให้แก่โจทก์ยึดถือครอบครองทำกิน จำเลยสัญญาว่าจะไปจดทะเบียนเพื่อทำนิติกรรมโอนขายให้แก่โจทก์ โจทก์ได้ชำระราคาให้จำเลยบ้างแล้วยังคงค้างอีก 700 บาท ซึ่งโจทก์จะชำระให้หมดในวันจดทะเบียนโอน ครั้นต่อมาจำเลยบิดพลิ้วไม่ยอมโอนให้โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยไปแสดงความประสงค์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ฯลฯ

จำเลยให้การว่า จำเลยตกลงจะขายที่นาตามฟ้องให้โจทก์ในราคา3,000 บาท จริง โดยมีข้อสัญญาว่าโจทก์จะต้องชำระราคาให้จำเลยในวันตกลงทำสัญญาจะซื้อขาย 2,000 บาท อีก 1,000 บาท จะต้องชำระในอีก 1 ปี ถ้าโจทก์ผิดนัดผิดสัญญา จำเลยจะไม่ขายนาให้ และริบเงินมัดจำ 2,000 บาท โจทก์จ่ายเงินให้จำเลย 2,000 บาท โจทก์ผิดนัดไม่ชำระเงิน 1,000 บาท คงจ่ายให้เพียง 300 บาท จำเลยบอกเลิกสัญญา แต่เนื่องจากจำเลยเป็นลูกหนี้สหกรณ์เกาะยายหนักไม่จำกัดสินใช้อยู่ 4,000 บาท จำเลยยอมจะขายให้โจทก์ ถ้าโจทก์จะยอมใช้หนี้ต่อสหกรณ์แทนจำเลย นายสงวนจำเลยมอบให้เป็นผู้ขายแทนบอกว่าโจทก์ไม่ยอมจ่ายเงินชำระหนี้สหกรณ์ ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยตามหนังสือสัญญายืม 10,000 บาท จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ปลอมหนังสือสัญญายืมนั้น โจทก์ยอมความโดยไม่เรียกร้องอะไรจากจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย

ในวันชี้สองสถาน จำเลยแถลงรับว่าได้ตกลงขายที่พิพาทให้โจทก์จริง และโจทก์ยังไม่ได้ชำระเงินให้จำเลยอีก 700 บาท กับได้มอบให้โจทก์ครอบครองตามสัญญาประนีประนอมยอมความลงวันที่ 28 มกราคม 2507 คดีแดงที่ 2/2507 โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ จำเลยกล่าวอ้างเพิ่มเติมว่า โจทก์ผิดสัญญาซื้อขาย กับโจทก์ครอบครองที่นาแทนจำเลยทั้งมีสัญญาซื้อขายใหม่อีก แต่รับว่าสัญญาซื้อขายใหม่นั้นมีก่อนสัญญาประนีประนอมยอมความ

ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย พิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนนิติกรรมโอนขายนาพิพาทให้โจทก์ ฯลฯ และให้โจทก์ชำระเงินที่ยังค้างแก่จำเลยอีก 700 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องและคำให้การนั้น ปัญหาที่จะต้องพิจารณาในเบื้องแรกมีว่า ข้อสัญญามีว่าโจทก์ต้องชำระเงินที่เหลือ 700 บาท จำเลยจึงจะไปโอนทะเบียนหรือไม่ และถ้าเป็นเช่นนั้นใครเป็นฝ่ายผิดสัญญา ซึ่งในปัญหาเบื้องต้นนี้ แม้จะได้พิจารณาสัญญาประนีประนอมยอมความลงวันที่ 28 มกราคม 2507 คดีแดงที่ 2/2507 ข้อเท็จจริงฟังได้แต่ว่า จำเลยรับว่าได้ตกลงขายนาในคดีนั้นให้โจทก์จริง และโจทก์ยังไม่ชำระเงินอีก 700 บาท สัญญาจะซื้อขายนั้นได้ทำเมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว โดยมอบที่นาให้โจทก์ครอบครองไว้แล้ว เพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะวินิจฉัยคดีนี้ได้ว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาในอันที่จะบังคับโอนทะเบียนนาพิพาทกันตามฟ้องได้หรือไม่ ตลอดจนในเรื่องที่จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาใหม่กันขึ้นด้วย ชอบที่จะฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยต่อไป

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปตามกระบวนความ

Share