แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อายุความในมูลหนี้ค่าซื้อเชื่อสิ่งของย่อมกำหนด 2 ปี ซื้อของเชื่อไปแล้วทำ สัญญากับผู้ขายผัดใช้หนี้โดยผู้เป็นฝ่ายในสัญญาได้เข้าระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยุ่ในหนี้ และทั้งสองฝ่ายต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันดังนี้เป็นสัญญาปราณีประนอมหาใช่เป็นสัญญารับสภาพความรับผิดไม่ สัญญาปราณีประนอมมีอายุความ10 ปี
ย่อยาว
ได้ความว่า จำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อเชื่อสิ่งของโจทก์เป็นเงิน ๑๖๙๗ บาท ๕๓ สตางค์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๘
ครั้นเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๓ จำเลยทำหนังสือผัดใช้หนีโจทก์ โดยโจทก์คิดเอาแก่จำเลยเพียง ๘๔๘ บาท ๕๐ สตางค์ แต่จำเลยต้องผ่อนใช้ให้โจทก์เดือนละ ๒๕ บาท ทุกเดือน ถ้าไม่ผ่อนใช้ให้ โจทก์จะเรียกเอาเต็มตามจำนวนและคิดดอกเบี้ยด้วยจำเลยไม่ผ่อนชำระหนี้ให้ตามสัญญาโจทก์จึงฟ้องขอให้ ศาลบังคับ
ศาลชั้นต้นเห็นว่ามูลหนี้ในเรื่องนี้เป็นหนี้ค่าซื้อของเชื่อ ตามประมวลแพ่ง ฯ มาตรา ๑๖๕ (๑) มีอายุความเพียง ๒ ปี ตั้งแต่วันซื้อของเชื่อจนวันทำสัญญาเกินกว่า ๒ ปี และหนังสือสัญญาที่จำเลยทำให้ โจทก์เป็นหนังสือรับสภาพความรับผิดชอบตามมาตรา ๑๘๘ วรรค ๓ คงเป็นมูบหนี้ค่าซื้อของเชื่อเดิมนั่นเอง อายุความจึงคงมีกำหนด ๒ ปีอย่างเดิม ฟ้องโจทก์ขาดอายุความพิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อความที่ปรากฏในหนังสือสัญญาดังกล่าวประกอบกับในวันทำสัญญา โจทก์ได้คืนปรอมมิสรีโน้ตให้จำเลยเป็นการระงับข้อพิพาทให้เสร็จไปตอนหนึ่งดังนี้เป็นลักษณปราณีประนอมยอมความหามีลักษณะเป็นการรับสภาพความรับผิดไม่ อายุความในเรื่องนี้มี ๑๐ มีตามมาตรา ๑๖๘ ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ตาม สัญญา
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาที่ โจทก์จำเลยทำต่อกันเป็นสัญญาปราณีประนอม โดยผู้เป็นฝ่ายใน สัญญาได้เข้าระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ในหนี้สิน และทั้งสองฝ่ายต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันฟ้องของโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์