คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3624/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โจทก์ต้องบรรยายฟ้องให้ครบองค์ประกอบว่าจำเลยหลอกประชาชนโดยทุจริตและโดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวง ส่วนประชาชนผู้ใดบ้างเป็นผู้ที่ถูกจำเลยหลอกลวงและจำเลยได้ทรัพย์สินจากผู้ใดบ้างเห็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์นำสืบได้ในชั้นพิจารณา การที่โจทก์มิได้ระบุชื่อประชาชนผู้ถูกหลอกลวงหรือผู้เสียหายมาในฟ้อง จึงไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกได้ทำการหลอกลวงประชาชนในเขตตำบลสักหลง ตำบลบ้านกลาง และตำบลวัดป่า จังหวัดเพชรบูรณ์ การหลอกลวงของจำเลยเป็นเหตุให้ประชาชนในท้องที่ดังกล่าวหลงเชื่อและได้นำใบยาสูบแห้งจำนวน 2,462 กิโลกรัม คิดเป็นเงิน 29,491 บาท ไปมอบให้จำเลยกับพวก ถือได้ว่าได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่างต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ ถึงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๒๖ เวลากลางวันและกลางคืน จำเลยกับพวกอีก ๓ คน ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันโดยทุจริตหลอกลวงประชาชน ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน โดยจำเลยกับพวกดังกล่าวได้แจ้งแก่ประชาชนในตำบลสักหลง ตำบลบ้านกลาง และตำบลวัดป่า จังหวัดเพชรบูรณ์ว่า จำเลยทั้งหกกับพวกเป็นกรรมการและเป็นตัวแทนของบริษัทใบยาเอเชียอาคเนย์ จำกัด ได้รับโควตาจากบริษัทดังกล่าวในการรับซื้อใบยาสูบในเขตท้องที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และได้ร่วมกันปิดป้ายโฆษณารับซื้อใบยาสูบในนามของบริษัทขึ้นที่หน้าโกดังบ้านน้ำพุง ตำบลวัดป่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์มีข้อความว่า “สถานที่รับซื้อใบยาสูบของบริษัทใบยาเอเชียอาคเนย์ จำกัด” ความจริงจำเลยกับพวกมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวแต่อย่างใด และไม่เคยได้รับโควตารับซื้อใบยาสูบจากบริษัทดังกล่าว ทั้งทางบริษัทไม่เคยอนุญาตให้จำเลยกับพวกนำชื่อของบริษัทมาปิดป้ายโฆษณารับซื่อใบยาสูบแต่อย่างใดเป็นเหตุให้ประชาชนในเขตท้องที่ตำบลสักหลง ตำบลบ้านกลาง และตำบลวัดป่า จังหวัดเพชรบูรณ์ หลงเชื่อทำให้จำเลยทั้งหกกับพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนในท้องที่ดังกล่าวโดยได้นำใบยาสูบแห้งจำนวน ๒,๔๖๒ กิโลกรัม คิดเป็นเงิน ๒๙,๔๙๑ บาท มามอบให้จำเลยกับพวก เหตุเกิดที่ตำบลสักหลง ตำบลบ้านกลาง และตำบลวัดป่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๓, ๘๓ และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาใบยาสูบแห้ง ๒,๔๖๒ กิโลกรัม รวมเป็นเงิน ๒๙,๔๙๑ บาท แก่เจ้าของ
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๓, ๘๓ จำคุกคนละ ๑ ปี และให้จำเลยทั้งหกคืนใบยาสูบแห้ง จำนวน ๒,๔๖๒ กิโลกรัม แก่ผู้เสียหาย แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า มีการชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายแล้ว เป็นเงิน ๒,๙๔๙ บาท ดังนั้นหากจำเลยทั้งหกไม่อาจคืนใบยาสูบ จำนวน ๒,๔๖๒ กิโลกรัม แก่ผู้เสียหายก็ให้ใช้ราคา ๒๒,๕๔๒ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ไม่ได้ระบุชื่อผู้เสียหายจึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๕) พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า ฟ้องของโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๕) หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ บัญญัติว่า “ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม………”และมาตรา ๓๔๓ บัญญัติว่า “ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๓๔๑ ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษ ……..” ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา ๓๔๓ จึงมีว่า จำเลยหลอกลวงประชาชนโดยทุจริต และการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวง โจทก์จึงต้องบรรยายฟ้องให้ครบองค์ประกอบดังกล่าว ส่วนประชาชนผู้ใดบ้างเป็นผู้ที่ถูกจำเลยหลอกลวง และจำเลยได้ทรัพย์สินจากผู้ใดบ้างเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์นำมาสืบได้ในชั้นศาลพิจารณา การที่โจทก์มิได้ระบุชื่อประชาชนผู้ถูกหลอกลวงหรือผู้เสียหายมาในฟ้อง จึงหาทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ไม่สำหรับคดีนี้ฟ้องของโจทก์บรรยายว่าจำเลยกับพวกได้ทำการหลอกลวงประชาชนในเขตตำบลสักหลง ตำบลบ้านกลาง และตำบลวัดป่า จังหวัดเพชรบุรณ์ การหลอกลวงของจำเลยเป็นเหตุให้ประชาชนในท้องที่ดังกล่าวหลงเชื่อและได้นำใบยาสูบแห้ง จำนวน ๒,๔๖๒ กิโลกรัม คิดเป็นเงิน ๒๙,๔๙๑ บาท ไปมอบให้จำเลยกับพวก ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียกเกี่ยวกับบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๕) แล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นแต่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เพื่อให้การวินิจฉัยข้อเท็จจริงเป็นไปตามลำดับศาล ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาปัญหาข้อเท็จจริงตามที่จำเลยอุทธรณ์ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share