แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาเช่าซื้อมีข้อตกลงว่า หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดต่อกัน โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเข้าครอบครองเครื่องมือทันตกรรมที่เช่าซื้อไปได้ทันที จำเลยที่ 1 จำต้องชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างอยู่ทั้งหมด และต้องส่งมอบเครื่องมือทันตกรรมที่เช่าซื้อคืนให้แก่โจทก์ หากโจทก์ได้รับคืนและจำหน่ายไปได้เงินไม่ครบถ้วนตามที่ค้างชำระ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชดใช้จนครบ ดังนี้เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดต่อกันและโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้วจำเลยที่ 1 ไม่ได้ส่งมอบเครื่องมือทันตกรรมที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 จึงต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างทั้งหมดแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อเครื่องมือทันตกรรม ๑ ชุด ราคา ๓๓๘,๐๐๔ บาท จากโจทก์ กำหนดผ่อนชำระเดือนละ ๙,๓๘๙ บาท จำนวน ๓๖ เดือน โดยมีข้อตกลงว่า หากไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดต่อกันก็ให้โจทก์บอกเลิกสัญญาและมีสิทธิเข้าครอบครองเครื่องทันตกรรมที่เช่าซื้อไปได้ทันที เมื่อสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดลงจำเลยที่ ๑ จำต้องชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างอยู่ทั้งหมดและต้องส่งมอบเครื่องมือทันตกรรมคืนแก่โจทก์หากโจทก์ได้รับคืนและจำหน่ายไปได้เงินไม่ครบถ้วนตามราคาที่ค้างชำระ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้จนครบ จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ยอมตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ ๑ ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ๑๒ งวดติดต่อกันโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันส่งมอบเครื่องมือทันตกรรมคืน และให้ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ ๒๐๖,๕๕๘ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์รวม ๕ งวดแล้วแจ้งให้โจทก์และจำเลยที่ ๒ รับเครื่องมือทันตกรรมคืน จำเลยที่ ๒ ให้เจ้าพนักงานมารับเครื่องมือทันตกรรมไป จำเลยที่ ๑ ไม่จำต้องชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์อีกจำเลยที่ ๑ ค้างค่าเช่าซื้อคิดถึงวันบอกเลิกสัญญาเพียง ๑๒ งวด แต่โจทก์เรียกร้องเอาจากจำเลยที่ ๑ จำนวน ๒๒ งวด ซึ่งเท่ากับราคาค่าเช่าซื้อส่วนที่เหลือทั้งหมด และยังให้ส่งมอบเครื่องมือทันตกรรมคืนแก่โจทก์ด้วย จึงเป็นการเรียกร้องจากจำเลยซ้ำซ้อนขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินให้โจทก์จำนวน ๒๐๖,๕๕๘ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องมือทันตกรรมจากโจทก์ในราคา ๓๓๘,๐๐๔ บาท โดยตกลงผ่อนชำระเป็น ๓๖ งวด งวดละเดือนเป็นเงิน ๙,๓๘๙ บาท งวดแรกเริ่มชำระในวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๒๑ จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ ๑ ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อ ๑๔ งวดแล้ว ผิดนัดเรื่อยมา โจทก์จึงมีหนังสือลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๒๓ บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ ๑ และให้นำเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระจำนวน ๒๐๖,๕๕๘ บาทไปชำระภายใน ๗ วัน จำเลยที่ ๒ ได้มาถอดเอาเครื่องมือทันตกรรมไปจากความครอบครองของจำเลยที่ ๑ โดยหลอกลวงว่าโจทก์ให้มาเอา และจำเลยที่ ๒ มิได้นำไปส่งมอบแก่โจทก์ แสดงว่าจำเลยที่ ๑ ยังมิได้ส่งมอบเครื่องมือทันตกรรมให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยที่ ๑ ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ตั้งแต่งวดที่ ๑๕ ถึงงวดที่ ๒๖ และโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ ๑ แล้วจำเลยที่ ๑ จึงต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค่างชำระรวมเป็นเงิน ๒๐๖,๕๕๘ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดชำระหนี้ ทั้งนี้เป็นไปตามข้อสัญญาเช่าซื้อซึ่งจำเลยที่ ๑ ทำไว้แก่โจทก์
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดชำระหนี้ให้นับตั้งแต่วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ