คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3618/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์อ้างว่าการที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์นั้นจำเลยมิได้ทำการสอบสวนโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ได้ความว่ามีกฎหมายและข้อบังคับตามที่โจทก์อ้างโจทก์จะถือเอาความควรหรือไม่ควรโดยให้อนุโลมเอากฎหมายหรือข้อบังคับอื่นซึ่งมิได้ใช้บังคับแก่กรณีของโจทก์มาใช้หาได้ไม่ส่วนการสอบสวนทางวินัยและการลงโทษทางวินัยก็มีหลักเกณฑ์และวิธีการแตกต่างไปจากการสอบสวนและลงโทษในคดีอาญา ดังนั้นเมื่อสอบสวนได้ความว่าโจทก์กระทำผิดวินัย แม้จะมิใช่ด้วยมูลโดยตรงที่ตั้งกรรมการสอบสวนก็ตาม จำเลยก็มีอำนาจลงโทษเลิกจ้างโจทก์ได้โดยมิต้องจ่ายค่าชดเชย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย จำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงซึ่งไม่เป็นความจริง คำสั่งของจำเลยที่เลิกจ้างโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลบังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าขณะถูกเลิกจ้าง หรือให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยโบนัส บำเหน็จสินจ้างที่ไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า กับค่าเสียหายและดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของจำเลยแล้ว เพราะโจทก์จงใจและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้จำเลยเสียหายขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง

ผู้พิพากษาสมทบฝ่ายลูกจ้างทำความเห็นแย้ง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามข้อบังคับจำเลยหาได้กำหนดวิธีการสอบสวนว่าจะต้องกระทำการตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามอุทธรณ์โจทก์ไม่ โจทก์จะถือเอาตามควรหรือไม่ควรโดยให้อนุโลมเอากฎหมายและข้อบังคับอื่นซึ่งมิได้ใช้บังคับแก่กรณีของโจทก์และจำเลยมาปรับว่าจำเลยกระทำผิดกฎหมายและข้อบังคับหาได้ไม่

การสอบสวนทางวินัยและการลงโทษทางวินัยมีหลักเกณฑ์และวิธีการแตกต่างไปจากการสอบสวนและการลงโทษในคดีอาญา เมื่อทางสอบสวนได้ความว่าโจทก์กระทำผิดวินัย แม้มิใช่ด้วยมูลโดยตรงที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนจำเลยย่อมมีอำนาจสั่งลงโทษโจทก์ได้

พิพากษายืน

Share