แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การกระทำครั้งเดียวถ้าหากผู้กระทำมีเจตนาจะให้เกิดผลเป็นหลายกรรมก็ย่อมถือเป็นความผิดหลายกรรมได้ จำเลยมีเจตนาใช้รถผิดประเภทตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 128 กรรมหนึ่ง และมีเจตนากระทำความผิดฐานแย่งผลประโยชน์กับบริษัท ข. ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางในเส้นทางอนุญาตตามมาตรา 138 อีกกรรมหนึ่งซึ่งแตกต่างกันในลักษณะของความผิดอย่างเห็นได้ชัดจำเลย จึงมีความผิดเป็น 2 กระทง
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดรวม 2 กรรม กรรมแรกฐานใช้รถผิดประเภท ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 5,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท กรรมที่สองฐานทำการขนส่งอันมีลักษณะเป็นการแย่งผลประโยชน์กับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ปรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 คนละ 50,000 บาทให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้มีกำหนด 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “การกระทำครั้งเดียวถ้าหากผู้กระทำมีเจตนาจะให้เกิดผลเป็นหลายกรรมก็ย่อมถือเป็นความผิดหลายกรรมได้คดีนี้ศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยแล้วว่า จำเลยมีเจตนากระทำความผิดฐานใช้รถผิดประเภทตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 128กรรมหนึ่ง และมีเจตนากระทำความผิดฐานแย่งผลประโยชน์กับบริษัทขนส่งจำกัดผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางในเส้นทางอนุญาตตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 138 อีกกรรมหนึ่งซึ่งแตกต่างกันในลักษณะของความผิดอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมาทั้งสองกระทงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91จึงเป็นการชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน