แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
หนังสือบริคณห์สนธิของโจทก์ระบุว่า ประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์และเครื่องมือช่างทุกประเภท เครื่องมือทาสีเครื่องตกแต่งอาคารทุกชนิด วัตถุประสงค์ของโจทก์ดังกล่าวเป็นการประกอบการค้าเพื่อหารายได้จากวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างทั่วไปและการค้าหมายถึงการดำเนินการด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ หาได้จำกัดเฉพาะการซื้อหรือขายเท่านั้นไม่ การที่โจทก์ให้เช่าแผ่นเหล็กกันดินอันเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างจึงเป็นการหารายได้วิธีหนึ่งซึ่งอยู่ในวัตถุประสงค์ของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยได้ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่า ค่าเสียหายและค่าขนย้ายทรัพย์สินไม่ใช่ฟ้องเรียกเงินกู้ ดอกเบี้ยตามสัญญาที่ยอมเสียให้ในอัตราร้อยละ18 ต่อปี จึงเป็นเบี้ยปรับอย่างหนึ่งซึ่งโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกได้ไม่ตกเป็นโมฆะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เช่าแผ่นเหล็กกันดินมีขนาดความยาว12 เมตร จำนวน 70 แผ่น และความยาว 14 เมตร จำนวน 20 แผ่นรวมจำนวน 90 แผ่น ไปจากโจทก์ กำหนดเวลาเช่า 5 เดือน ชำระค่าเช่าให้โจทก์เป็นรายเดือนทุกเดือนจนกว่าจะส่งมอบแผ่นเหล็กคืน ถ้ามีแผ่นเหล็กเสียหายไม่สามารถแก้ไขให้กลับคืนสภาพเดิมได้ จำเลยยอมใช้ค่าเสียหายให้ สำหรับแผ่นเหล็กมีความยาว 12 เมตร แผ่นละ6,480 บาท และความยาว 14 เมตร แผ่นละ 7,560 บาท การส่งมอบแผ่นเหล็กให้จำเลย ถ้าโจทก์เป็นผู้ส่งจำเลยตกลงชำระค่าส่งให้โจทก์เที่ยวละ 4,000 บาท และค่ารถยกแผ่นเหล็กลงวันละ 2,000 บาทถ้าจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินตามข้อตกลง จำเลยยินยอมเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี โจทก์ได้ส่งแผ่นเหล็กจำนวน 90 แผ่นให้จำเลยรับไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2526 และโจทก์ได้รับแผ่นเหล็กที่จำเลยเช่าไปคืนมาวันที่ 3 กรกฎาคม 2527 จำนวน36 แผ่น เป็นแผ่นเหล็กความยาว 12 เมตร 20 แผ่น และขนาดความยาว14 เมตร 16 แผ่น ส่วนที่เหลืออีก 54 แผ่น จำเลยตกลงเช่าต่อไปอีกจนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2527 โจทก์จึงได้รับคืนแผ่นเหล็กจากจำเลยปรากฏว่ามีแผ่นเหล็กเสียหายไม่สามารถแก้ไขให้กลับคืนสภาพเดิมได้รวม 5 แผ่น ขนาดความยาว 12 เมตร 4 แผ่นและความยาว 14 เมตร 1 แผ่นคิดเป็นเงินค่าเสียหาย 33,480 บาท และในระหว่างที่จำเลยเช่าแผ่นเหล็กไปจำเลยยังค้างชำระค่าเช่าโจทก์ทั้งสิ้นเป็นเงิน 608,032บาท และจำเลยยังค้างค่าตอบแทนในการขนย้ายแผ่นเหล็กเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2527 รวม 2 เที่ยว เที่ยวละ 4,000 บาทเป็นเงิน 8,000 บาท เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2527 รวม 3 เที่ยวเที่ยวละ 4,000 บาท เป็นเงิน 12,000 บาท ค่ารถยกในวันที่ 5ธันวาคม 2527 เป็นเงิน 2,000 บาท รวม ค่าเช่า ค่าเสียหายค่าขนย้ายที่จำเลยค้างชำระโจทก์อยู่เป็นเงินทั้งสิ้น 663,512 บาทโจทก์ทวงถาม จำเลยเพิกเฉย โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ18 ต่อปี ตามสัญญานับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2527 อันเป็นวันที่โจทก์ได้รับแผ่นเหล็กคืนจากจำเลยถึงวันฟ้องเป็นเงินดอกเบี้ย 151,579.31บาท รวมกับต้นเงิน 663,512 บาท แล้วจำเลยเป็นหนี้โจทก์ทั้งสิ้น815,091.31 บาท ขอให้จำเลยชำระเงิน 815,091.31 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี ในต้นเงิน 663,512 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการค้าประเภทให้เช่าสังหาริมทรัพย์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจให้เช่าอันเป็นกิจการนอกวัตถุประสงค์ของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะแสวงประโยชน์อันเกิดจากสัญญาเช่านั้น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 406,432 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 5ธันวาคม 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้เสร็จ คำฟ้องของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ตามหนังสือบริคณห์สนธิเอกสารหมาย จ.1 จำเลยได้เช่าแผ่นเหล็กกันดินของโจทก์ไปใช้และยังค้างชำระค่าเช่าโจทก์เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 406,432 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 5ธันวาคม 2527 ไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ
พิเคราะห์แล้วจำเลยฎีกาว่า หนังสือบริคณห์สนธิเอกสารหมายจ.1 โจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ในการให้เช่าทรัพย์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเช่าดังกล่าวจากจำเลย และโจทก์คิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ในปัญหาที่ว่าโจทก์มีวัตถุประสงค์ในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์หรือไม่ ตามหนังสือบริคณห์สนธิของโจทก์เอกสารหมายจ.1 ข้อ 14 ระบุว่าประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้างอุปกรณ์และเครื่องมือช่างทุกประเภท เครื่องมือทาสี เครื่องตกแต่งอาคารทุกชนิดเห็นว่า วัตถุประสงค์ของโจทก์ดังกล่าวเป็นการประกอบการค้าเพื่อหารายได้จากวัสดุก่อสร้างเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างทั่วไปและการค้าหมายถึง การดำเนินการด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ หาได้จำกัดเฉพาะการซื้อหรือขายเท่านั้นไม่ การที่โจทก์ให้เช่าแผ่นเหล็กกันดินอันเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง จึงเป็นการหารายได้วิธีหนึ่งซึ่งอยู่ในวัตถุประสงค์ของโจทก์ดังกล่าว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยได้ ในปัญหาว่าโจทก์เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่า ค่าเสียหายและค่าขนย้ายทรัพย์สินหาใช่ฟ้องเรียกเงินกู้ ดอกเบี้ยตามสัญญาจึงเป็นเบี้ยปรับอย่างหนึ่ง ซึ่งโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกได้ ไม่ตกเป็นโมฆะ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน