คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้ของกลางเป็นไม้สด ไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายแต่อย่างใด และไม่ปรากฏว่าจำเลยซื้อมาจากที่ไหนอย่างใด จำเลยได้เอาไม้ของกลางนี้มาฝังดินทำเป็นเสาเรือนโดยไม่ได้บากให้เป็นช่องรับไม้รอดที่ตียึดเสา กลับตีพุกประกับช่วย เป็นการแสดงเจตนาให้เห็นได้ว่าจำเลยเอามาทำเสาเรือนเพื่อพราง ไม่ใช่เพื่อให้เป็นเราเรือนอย่างถาวร ไม้ของกลางจึงยังไม่เป็นไม้แปรรูป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีไม้หวงห้าม (ไม้สัก) อันยังมิได้แปรรูปที่ไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับ หรือรอยตรารัฐบาลขาย และพิสูจน์ไม่ได้ว่าจำเลยได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน ๔ ท่อน ไว้ในความครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ไม้ของกลางอยู่ในสภาพเป็นเสาเรือนชาน นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของเรือน การที่จำเลยนำไม้ของกลางไปประกอบเป็นส่วนหนึ่งของเรือนเช่นนี้ไม้ของกลางก็ย่อมแปรสภาพไปเป็นไม้แปรรูปจำเลยจึงไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาใช้ไม้ของกลางเป็นเสาเรือน หากทำอำพรางไว้เพื่อความประสงค์อย่างอื่น จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นไม้แปรรูป พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลย ๖ เดือน ปรับ ๕,๐๐๐ บาท รอการลงโทษจำคุกไว้ ๓ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ไม้ของกลางทั้ง ๔ ท่อนยังเป็นไม้สด ถามเปลือกออกยังไม่หมดไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายแต่อย่างใด ไม่ปรากฏว่าจำเลยซื้อมาจากที่ไหนอย่างไร การที่จำเลยเอาไม้ของกลางมาฝังดินจะให้มีลักษณะเป็นเสาเรือนนั้น เห็นได้ว่าเป็นไม้โตเกินขนาดเสาเรือนธรรมดามา และเสาทั้ง ๔ ต้นนี้ไม่ได้บากให้เป็นช่องรับไม้รอดที่ตียึดเสากลับตีพุกประกับช่วย ที่ทำเช่นนี้ ส่อให้เห็นเจตนาได้ว่าเป็นการเอามาทำเสาเรือนเพื่อพรางไม่ใช่เพื่อให้เป็นเสาเรือนอย่างถาวร ในลักษณะอย่างนี้ เสาของกลางจึงยังไม่เป็นไม้แปรรูป พิพากษายืน

Share