แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้องและระบุอ้างความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 74 ทวิ มาท้ายฟ้องด้วยก็ตาม แต่ในส่วนคำขอท้ายฟ้องนั้น โจทก์ระบุไว้เพียงว่าขอให้ริบเฉพาะไม้แปรรูปของกลาง โจทก์หาได้ขอให้ริบเครื่องมือเครื่องใช้ในการแปรรูปไม้ของกลางทั้งหมดมาโดยชัดแจ้งไม่ ดังนั้น ศาลจึงริบได้เฉพาะไม้แปรรูปของกลางตามคำขอท้ายฟ้องเท่านั้น ส่วนของกลางอื่นนอกจากนี้ศาลไม่อาจริบได้เพราะจะเกินคำขอ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคหนึ่ง
แม้เครื่องมือเครื่องใช้ในการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 74 ทวิ จะเป็นทรัพย์ที่กฎหมายบัญญัติให้ริบโดยเด็ดขาด แต่โจทก์ก็ต้องมีคำขอให้ริบมาด้วย มิฉะนั้นศาลก็ไม่อาจสั่งให้ริบของกลางได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาเกินคำขอขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 4, 7, 48, 73, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 83,91 ริบไม้พลวงแปรรูปของกลาง และจ่ายเงินสินบนนำจับให้แก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง, 73 วรรคหนึ่ง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานแปรรูปไม้จำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ6,000 บาท ฐานมีไม้แปรรูป จำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 6,000 บาท รวมจำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 12,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนนำจับให้แก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษให้จำเลยทั้งสอง และไม่ปรับ ส่วนของกลางให้ริบเฉพาะไม้พลวงแปรรูป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า คำฟ้องของโจทก์ข้อ 3 ระบุว่า เจ้าพนักงานยึดไม้แปรรูปของกลางกับยึดเลื่อยอก 2 ปื้น เลื่อยตัด 1 ปื้น ค้อน 1 อัน ปรอทวัดไม้ 1 อันฉาก 1 อัน คีมตัดลวด 1 อัน และตะไบเลื่อย 1 อัน ซึ่งเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้แปรรูปไม้เป็นของกลาง ถือได้ว่าโจทก์กล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่งแล้ว และกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษเพราะโจทก์ได้อ้างมาตรา 74 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484อันเป็นบทริบทรัพย์ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แล้ว ศาลจึงชอบที่จะริบของกลางทั้งหมดได้นั้น เห็นว่า แม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้องและระบุอ้างมาตรา 74 ทวิ มาท้ายฟ้องด้วยก็ตาม แต่ในส่วนคำขอท้ายฟ้องนั้น โจทก์ระบุไว้เพียงว่าขอให้ริบเฉพาะไม้แปรรูปของกลาง โจทก์หาได้ขอให้ริบของกลางทั้งหมดมาโดยชัดแจ้งไม่ดังนั้น ศาลจึงริบได้เฉพาะไม้แปรรูปของกลางตามคำขอท้ายฟ้องเท่านั้น ส่วนของกลางอื่นนอกจากนี้ศาลไม่อาจริบได้เพราะจะเกินคำขอต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ของกลางอื่นนอกจากไม้แปรรูปนั้น ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำความผิด เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ซึ่งมาตรา 74 ทวิ บัญญัติให้ริบเสียทั้งสิ้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ นั้น เห็นว่า แม้เป็นทรัพย์ที่กฎหมายบัญญัติให้ริบโดยเด็ดขาด แต่โจทก์ก็ต้องมีคำขอให้ริบมาด้วย มิฉะนั้นศาลก็ไม่อาจสั่งให้ริบของกลางได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง เช่นเดียวกันที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้ริบของกลางเฉพาะไม้พลวงแปรรูปเท่านั้น เป็นการถูกต้องแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 จัตวา บัญญัติให้ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเงินไม่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับตามคำพิพากษา โดยจ่ายจากเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาล คดีนี้เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่าไม่ลงโทษปรับจำเลยแล้ว จึงย่อมไม่อาจจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มิได้พิพากษาแก้ในส่วนที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนนำจับด้วย จึงไม่ถูกต้อง และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2