คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3595/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ไม่ใช่ความผิดเฉพาะตัวของผู้ครอบครองทรัพย์เพียงผู้เดียว ผู้อื่นก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ครอบครองในการยักยอกทรัพย์ได้ หากได้ร่วมมือร่วมใจกันกระทำการยักยอกกับผู้ได้รับมอบหมายให้ครอบครองทรัพย์ ข้อที่ว่า ผู้ใดครอบครองทรัพย์นั้น มิใช่คุณสมบัติเฉพาะตัวผู้กระทำ แต่เป็นเพียงองค์ประกอบความผิดในส่วนการกระทำอันหนึ่งเท่านั้น
การที่จำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิใช่ผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนได้ร่วมกับผู้จัดการและสมุห์บัญชีของธนาคารยักยอกทรัพย์ของธนาคาร จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ประกอบด้วยมาตรา 83แม้จำเลยจะร่วมกระทำผิดกับผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนก็เป็นเหตุเฉพาะตัวผู้กระทำผิดแต่ละคน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 ประกอบด้วยมาตรา 86.
(วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2532)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒, ๓๕๔, ๘๓, ๙๑ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิการยน ๒๕๑๔ ข้อ ๒ และให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน ๑,๖๒๐,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด โดยนายอนุวัตร บุนนาค ผู้รับมอบอำนาจขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๔ ประกอบด้วยมาตรา ๘๖ และมาตรา ๙๑ ให้เรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ ๑ ปี รวม ๕ กระทง จำคุก ๕ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน ๑,๖๒๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ร่วม
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานะเป็นตัวการโดยการกระทำความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ ประกอบด้วย ๘๓ ส่วนจำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยร่วมรู้เห็นกับนายบุญเทียมและนายบรรศักดิ์ ผู้จัดการและสมุห์บัญชีของธนาคารโจทก์ร่วม สาขาท่าดินแดง ในแผนการทำหลักฐานอันเป็นเท็จขึ้นเพื่อให้ได้มีการเบิกจ่ายเงินของธนาคารโจทก์ร่วมจากสาขาดังกล่าว ทั้งนี้โดยจำเลยกับพวกประสงค์ที่จะเบียดบังเอาเงินเหล่านั้นของโจทก์ร่วมไปเป็นของตนกับพวกโดยทุจริตมาแต่ต้น ความผิดฐานยักยอกทรัพย์นั้นไม่ใช่ความผิดเฉพาะตัวของผู้ครอบครองทรัพย์เพียงผู้เดียว ผู้อื่นก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ครอบครองในการยักยอกทรัพย์ได้หากได้ร่วมมือร่วมใจกันกระทำการยักยอกกับผู้ได้รับมอบหมายให้ครอบครองทรัพย์ ข้อที่ว่า “ผู้ใดครอบครองทรัพย์” นั้น มิใช่คุณสมบัติเฉพาะตัวของผู้กระทำ แต่เป็นเพียงองค์ประกอบความผิดในส่วนการกระทำอันหนึ่ง เท่านั้น คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่า การที่จำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ร่วมกับผู้จัดการและสมุห์บัญชีของสาขาธนาคารโจทก์ร่วมยักยอกทรัพย์ของธนาคารโจทก์ร่วม จำเลยจะมีความผิดฐานใด ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เมื่อจำเลยมิใช่ผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ แม้จำเลยจะร่วมกระทำผิดกับผู้มีอาชีพหรือธุรกิจย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนก็เป็นเหตุเฉพาะตัวผู้กระทำผิดแต่ละคน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๔ ประกอบด้วยมาตรา ๘๖ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๔ ประกอบด้วยมาตรา ๘๖ ศาลฎีกาไม่เห็นฟ้อง+ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น ส่วนฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share