คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3583/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองได้ชำระหนี้เงินกู้ยืม โดยมอบฉันทะให้โจทก์ผู้ให้กู้นำไปถอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารของจำเลยเลยเมื่อจำเลยทั้งสองมีหลักฐานที่โจทก์เป็นตัวแทนจำเลย และโจทก์ให้ผู้กู้นำไปถอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารของจำเลยเองเมื่อจำเลยทั้งสองมีหลักฐานที่โจทก์เป็นตัวแทนจำเลย และโจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับเงินตามใบถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของจำเลยมาแสดง จึงถือได้ว่าเป็นการนำสืบการใช้เงินโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันทำสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์ 214,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี เมื่อถึงกำหนดชำระจำเลยทั้งสองไม่ยอมชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงิน 286,225 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 214,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองเคยกู้ยืมเงินโจทก์เพียง 14,000 บาท แต่โจทก์ให้ลงชื่อไว้ในสัญญากู้ยืมโดยมิได้กรอกข้อความโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้จำนวน 14,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2530 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนที่จำเลยทั้งสองจะทำสัญญากู้เงินโจทก์ จำเลยทั้งสองได้กู้เงินจากธนาคารนครหลวงไทย จำกัดสาขาท่าเรืออยุธยา จำนวนเงิน 190,000 บาท โดยโจทก์เป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมาจำเลยทั้งสองตกลงทำสัญญากู้เงินจำนวน 214,000บาท จากโจทก์ โดยให้โจทก์ไปชำระหนี้เงินกู้ต่อธนาคารแทนจำเลยทั้งสอง โจทก์จึงให้จำเลยทั้งสองทำสัญญากู้ยืมไว้ตามสัญญากู้ยืมรายพิพาท หลังจากนั้นโจทก์จะนำเงินไปชำระให้แก่ธนาคารแทนจำเลย แล้วนำใบมอบฉันทะที่จำเลยให้ไว้ไปถอนเงินจากบัญชีเงินเดือนของจำเลยซึ่งบางฉบับเป็นใบถอนเงินที่จำเลยที่ 1ลงชื่อรับเงินไว้ ล่วงหน้า แล้วให้โจทก์ไปถอนเงินธนาคาร บางฉบับจำเลยที่ 1 ลงชื่อมอบฉันทะให้โจทก์ไปถอนเงินเอง แสดงว่าจำเลยทั้งสองได้ชำระหนี้เงินกู้ยืมโดยมอบฉันทะให้โจทก์ไปถอนเงินจากธนาคารเอง เมื่อจำเลยทั้งสองมีหลักฐานที่โจทก์เป็นตัวแทนจำเลย และโจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับเงินตามใบถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 1 มาแสดง จึงถือได้ว่าเป็นการนำสืบการใช้เงินโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง แล้วแล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองค้างชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเป็นเงินต้น 14,000 บาท
พิพากษายืน

Share