แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีที่จำเลยขอทุเลาการบังคับอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การขอเลื่อนคดีเพื่อให้โจทก์ตรวจดูหลักทรัพย์ จึงเป็นเรื่องต่อเนื่องกับคำสั่งศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับการทุเลาการบังคับของจำเลยและเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาหลักประกันไป จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ดังกล่าวได้
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ที่ 3ร่วมกันชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งหกเป็นเงิน 900,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ โดยในเงิน900,000 บาทนั้น ให้จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ที่ 3ด้วย เป็นเงิน 105,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 105,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 อุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว มีคำสั่งว่าถ้าจำเลยที่ 2 ที่ 3 หาประกันสำหรับจำนวนเงิน 900,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยเป็นเวลา 4 ปี มาให้จนเป็นที่พอใจ และภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับแก่จำเลยที่ 2 ที่ 3และที่ 4 ไว้ในระหว่างอุทธรณ์ มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังแล้ว กำหนดเวลาให้จำเลยที่ 2หาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางหลักประกันและเลื่อนการพิจารณาหลักประกันไปหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายในวันนัดพิจารณาหลักประกันจำเลยที่ 2 แถลงต่อศาลว่า จำเลยที่ 2 ไม่สามารถหาหลักทรัพย์อื่นได้นอกจากรถยนต์บรรทุกจำนวน 7 คัน มีราคาคันละประมาณ 200,000 บาทเป็นเงิน 1,400,000 บาท โจทก์คัดค้านว่าหลักทรัพย์ที่จำเลยที่ 2เสนอมานี้ราคาไม่แน่นอน รถก็เป็นรถเก่า ราคาไม่เกินคันละ 50,000 บาทจำเลยที่ 2 จึงขอเลื่อนคดีไปเพื่อให้โจทก์ไปตรวจดูหลักทรัพย์โจทก์คัดค้านว่า รถยนต์ของจำเลยที่ 2 นอกจากเป็นรถเก่าแล้วจำเลยที่ 2 ใช้อยู่เป็นประจำอาจเกิดการเสียหายได้ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าคดีนี้มีการเลื่อนคดีมานานแล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3ไม่สามารถหาหลักประกันมาวางต่อศาลได้ จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีอีกและถือว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่หาหลักประกันตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนดมาวางต่อศาลชั้นต้นภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด คำร้องขอทุเลาการบังคับคดีชั้นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงเป็นอันถูกยกไปโดยคำสั่งศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า กำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยหาประกันเพื่อทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์นั้น เป็นการทำแทนศาลอุทธรณ์จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้ แต่แปลได้ว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 เป็นคำร้องขอขยายเวลาหาประกัน ซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นให้จำเลยที่ 2 หาประกัน จำเลยที่ 2ก็มีหน้าที่หาประกันให้เพียงพอกับจำนวนเงินที่ต้องชำระในเวลาที่กำหนด ไม่ใช่หาประกันครั้งละเล็กน้อยเพื่อหาเหตุขอเลื่อนการพิจารณาหลักประกันไปเรื่อย ๆ ซึ่งศาลชั้นต้นก็ให้เลื่อนการพิจารณาหลักประกันมาแล้วถึงแปดนัด เป็นเวลาเกือบ 1 ปี โดยศาลได้กำชับจำเลยหลายครั้งแล้ว จำเลยที่ 2 ก็ไม่สามารถหาหลักประกันมาให้จนเป็นที่พอใจ ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาหลักประกันอีกชอบแล้ว ไม่มีเหตุขยายเวลาอีก ให้ยกคำร้อง คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 2 โดยหักเป็นค่าคำร้องชั้นอุทธรณ์ไว้จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีที่จำเลยขอทุเลาการบังคับอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การขอเลื่อนคดีไปเพื่อให้โจทก์ไปตรวจดูหลักทรัพย์ ซึ่งมีผลเป็นการขยายเวลาหาประกันนั้นเป็นเรื่องต่อเนื่องกับคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่สั่งเกี่ยวกับการขอทุเลาการบังคับของจำเลย ซึ่งเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะดังนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ที่อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาหลักประกันไปจำเลยที่ 2 จึงไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ดังกล่าวได้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 มาไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลยที่ 2