แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การพิจารณาถึงสิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกาไม่ว่าจะเป็นการอุทธรณ์หรือฎีกาในชั้นไหน ต้องถือตามทุนทรัพย์ในคดีเดิม และต้องพิจารณาตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะมีการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา เมื่อทุนทรัพย์ตามคดีเดิมไม่เกินสองหมื่นบาท ในชั้นบังคับคดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้จำนวน 14,000 บาทโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยยอมผ่อนชำระให้โจทก์เป็นรายเดือน ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยผิดนัด ศาลชั้นต้นสั่งออกหมายบังคับคดี จำเลยยื่นคำร้องว่าได้ชำระหนี้ให้โจทก์ตามสัญญายอมความครบถ้วนแล้ว ขอให้งดการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้งดการบังคับคดี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า อุทธรณ์โจทก์เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกาว่า อุทธรณ์โจทก์เป็นอุทธรณ์คำสั่งในชั้นบังคับคดี ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การพิจารณาถึงสิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกาไม่ว่าจะเป็นการอุทธรณ์หรือฎีกาในชั้นไหน ต้องถือตามทุนทรัพย์ในคดีเดิมและต้องพิจารณาตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะมีการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาคดีนี้ทุนทรัพย์ตามคดีเดิมไม่เกินสองหมื่นบาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน