แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องมาชัดเจน และได้แนบสำเนาประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาท้ายฟ้องด้วยประกาศนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลใช้บังคับแล้ว จึงเป็นการบรรยายฟ้องที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วที่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า พนักงานเจ้าหน้าที่จากที่ใดนำประกาศดังกล่าวไปปิดประกาศไว้สถานที่เกิดเหตุในคดีนี้ หรือไม่ อย่างไรแต่เมื่อใดนั้นหาใช่ข้อสาระสำคัญที่โจทก์ต้องบรรยายไว้ในฟ้องไม่ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 158(5) แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 4, 47, 48, 51, 72 ทวิ, 74, 74 จัตวา, 75 ริบไม้สักแปรรูปของกลางและจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้แจ้งความนำจับตามกฎหมายด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 47, 48, 51, 72 ทวิ, 74, 74 จัตวา, 75ให้จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ริบของกลาง ที่โจทก์ขอให้จ่ายสินบนนำจับนั้น ศาลมิได้ลงโทษปรับ จึงให้ยกคำขอส่วนนี้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปีลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกเพียง 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยมีผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาเป็นประการแรกว่า ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)เพราะโจทก์มิได้บรรยายให้แจ้งชัดว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรได้ออกประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ให้จังหวัดใดกำหนดเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และมิได้บรรยายว่าได้นำประกาศดังกล่าวไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่เท่าไร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อใดก่อนหรือหลังวันจับกุมจำเลย อีกทั้งยังไม่ได้บรรยายด้วยว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จากที่ใดนำประกาศดังกล่าวไปปิดประกาศไว้ยังสถานที่เกิดเหตุในคดีนี้หรือไม่ อย่างไร แต่เมื่อใด เป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถเข้าใจข้อหาของโจทก์ได้ดี คำฟ้องของโจทก์จึงมิชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าข้อที่จำเลยกล่าวอ้างมาในฎีกานั้น โจทก์ได้บรรยายมาชัดเจนอยู่แล้วในฟ้อง อีกทั้งได้แนบสำเนาประกาศกระทรวงเกษตร เรื่อง กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ลงวันที่ 3พฤศจิกายน 2499 มาท้ายฟ้องด้วย ซึ่งในประกาศนั้นให้กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตลอดเขตท้องที่จังหวัดทุกจังหวัด โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและให้ประกาศนี้มีผลใช้บังคับมาแต่ พ.ศ. 2500แล้ว จึงเป็นการบรรยายฟ้องที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วส่วนข้อที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายในฟ้องว่า พนักงานเจ้าหน้าที่จากที่ใดนำประกาศดังกล่าวไปปิดประกาศไว้สถานที่เกิดเหตุในคดีนี้หรือไม่ อย่างไร แต่เมื่อใดนั้น หาใช่ข้อสาระสำคัญที่โจทก์จำต้องบรรยายไว้ในฟ้องไม่ ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาเป็นประการสุดท้ายว่า ขอให้ลงโทษจำเลยสถานเบาและขอให้รอการลงโทษจำคุกไว้นั้น เห็นว่า แม้ไม้สักแปรรูปของกลางจะมีจำนวนถึง 78 แผ่นก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่ามีปริมาตรเพียง 0.23ลูกบาศก์เมตร ประกอบกับได้ความว่าจำเลยประกอบอาชีพเป็นกิจจะลักษณะ อีกทั้งยังมีครอบครัวแล้วโดย มีบุตรอยู่ในอุปการะถึง 4 คนด้วยกัน ซึ่งล้วนแต่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนทั้งนั้นและไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลฎีกาเทียบเคียงพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับฐานะของจำเลยแล้ว เห็นว่า การที่จะให้โอกาสจำเลยสักครั้งหนึ่งเพื่อที่จะให้โอกาศจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีโดยรอการลงโทษจำคุกไว้จะเป็นผลดีแก่สังคมมากกว่าจะลงโทษจำคุกจำเลยไปเสียทีเดียว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้นแต่เห็นสมควรวางโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่ง และให้จ่ายสินบนนำจับตามฟ้องโจทก์ด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด2 ปี กับให้ปรับจำเลย 30,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 คงปรับจำเลย 15,000 บาท และให้จ่ายสินบนนำจับแก่ผู้แจ้งความนำจับตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 74 จัตวา กึ่งหนึ่งไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์