คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีภรรยาตกลงหย่ากันด้วยปาก แล้วสามีทำสัญญายกที่ดินให้ภรรยา แต่ยังคงเป็นสามีภรรยากันตลอดมา ดังนี้สามีย่อมปฏิเสธสัญญานั้นได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเป็นสามีภรรยากับจำเลยมา ๒๐ ปีไม่มีบุตร มีสินสมรสสวนยาง ๕ แปลง จำเลยจะมีภรรยาใหม่จึงตกลงหย่ากับโจทก์และแบ่งสมบัติกัน โดยทำหนังสือที่อำเภอยกที่ดินแปลงหมายเลข ๓-๕ ให้โจทก์ ภายหลังจำเลยกลับเข้าเกี่ยวข้องแย่งกรีดยางในที่นี้อีก จึงขอหย่าและขอห้าม จำเลยให้การว่าทำสัญญาให้จริงแต่มิได้หย่ากับโจทก์ ยังคงอยู่ด้วยกันมาเป็นปกติ ศาลชั้นต้นเห็นว่าทั้ง ๒ ฝ่ายมีเจตนาจะให้ทรัพย์ที่แบ่งกลายเป็นสินส่วนตัวของแต่ละฝ่าย เพื่อไม่ต้องแบ่งกันอีกเมื่ออย่ากัน สัญญาจึงสมบูรณ์ พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกันและห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินรายนี้ต่อไป.
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์จำเลยยังเป็นคู่สมรสกันอยู่ การที่จำเลยยกที่ดินให้โจทก์จึงไม่มีผล และหนังสือยกให้ก็แสดงว่าให้เป็นสินส่วนตัว จึงพิพากษาแก้ว่าเรื่องทรัพย์ที่โจทก์ขอห้ามนี้ให้ยก
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยทำสัญญายกที่ดินให้โจทก์แล้ว ก็ยังคงอยู่ด้วยกันต่อมา จึงฟังว่าได้หย่าและแบ่งสินสมรสกันแล้วไม่ได้ และการที่จำเลยทำสัญญายกที่ดินให้โจทก์แล้วปฏิเสธไม่ยอมยกให้ดังนี้เห็นว่า เมื่อต่างฝ่ายยังคงเป็นสามีภรรยากันอยู่ด้วยกันตลอดมา จำเลยย่อมปฏิเสธสัญญานั้นได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์.

Share