คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3569/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า ราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงไว้คือกระจกส่องหลัง พนักพิงหลังและแผ่นรองพื้น เป็นราคาต่ำกว่าราคาแท้จริงในท้องตลาด พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์จึงประเมินราคาสินค้าและภาษีอากรใหม่ มีรายละเอียดตามสำเนาใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าท้ายฟ้อง สำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง มีข้อความระบุไว้ว่า ประเมินราคาสินค้าแต่ละรายการเพิ่มขึ้นเท่าใด คิดเป็นอากรขาเข้าและภาษีการค้าจำนวนเท่าใด คำฟ้องโจทก์แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม บัตรราคาเป็นเอกสารภายในที่โจทก์ทำขึ้น บุคคลภายนอกไม่อาจทราบได้ ทั้งมีข้อความส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีคำแปลเป็นภาษาไทย ซึ่งโจทก์ก็มิได้นำสืบถึงรายละเอียดของสินค้าตามบัตรราคาดังกล่าวว่าเป็นชนิดและขนาดใด มีลักษณะอย่างไร ราคาเป็นเงินไทยเท่าใด นำเข้าโดยใคร และเมื่อใดสินค้าตามบัตรราคาเป็นสินค้าสำหรับโซนยุโรป แต่สินค้ารายพิพาทมีแหล่งกำเนิดในโซนเอเซีย ซึ่งเป็นสินค้าต่างแหล่งกำเนิดกัน เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้ได้ความดังกล่าวจึงไม่อาจนำราคาสินค้าตามบัตรราคามาใช้เป็นเกณฑ์ประเมินราคาสินค้ารายพิพาทได้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดโดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 2และที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 เป็นการฟ้องให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 2จะอุทธรณ์เพียงผู้เดียว เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดตามฟ้องเนื่องจากโจทก์ประเมินภาษีอากรเพิ่มเติมสำหรับใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าตามฟ้องไม่ชอบ ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 29

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด จดทะเบียนเลิกห้างเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม2529 โดยมีจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการก่อนจดทะเบียนเลิกห้างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการในขณะที่จำเลยที่ 1 นำสินค้าคดีนี้เข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2525 จำเลยที่ 1 ได้นำเข้ากระจกส่องหลังจำนวน 500 ชิ้น พนักพิงหลังจำนวน 50 ชุด แผ่นรองพื้นจำนวน100 ชุด จำเลยที่ 1 ได้ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 พิจารณาแล้วเห็นว่า สินค้าที่จำเลยที่ 1 นำเข้ายังไม่มีราคาท้องตลาดเทียบเคียงเพื่อประเมินภาษีอากรในขณะนั้น จึงสั่งให้จำเลยที่ 1 วางเงินประกันค่าภาษีอากรอีกส่วนหนึ่งไว้เป็นเงิน 10,000 บาทต่อมาพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 ตรวจสอบแล้วเห็นว่าราคาสินค้าที่จำเลยที่ 1 สำแดงไว้รายการที่ 1 กระจกส่องหลังรายการที่ 3 พนักพิงหลัง และรายการที่ 4 แผ่นรองพื้นต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาด พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1ประเมินราคาสินค้าและภาษีอากรใหม่เพิ่มขึ้นเป็นเงิน86,424.26 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชำระค่าภาษีอากรเพิ่มขึ้นรวม 56,428.45 บาท เมื่อนำเงินประกันไปหักแล้วยังไม่คุ้มค่าภาษีอากร จำเลยที่ 1 จะต้องชำระภาษีอากรเพิ่มอีก 46,428.45 บาท เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์ที่ 1ได้แจ้งการประเมินให้จำเลยที่ 1 ชำระภาษีอากรแล้ว จำเลยที่ 1 เพิกเฉย จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มอากรขาเข้าตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 112 ตรี จำนวน 6,904.15 บาท เงินเพิ่มอากรขาเข้า ตามมาตรา 112 จัตวาคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 41,425.20 บาท เงินเพิ่มภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89 ทวิ จำนวน 10,432.34 บาท และเงินเพิ่มภาษีบำรุงเทศบาล เป็นเงิน 1,043.23 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินภาษีอากรจำนวน 106,233.37 บาทแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินเพิ่มอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนจากต้นเงินอากรขาเข้า 34,520.76 บาท เป็นรายเดือน นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนเลิกห้างตั้งแต่ปี 2529 และจำเลยที่ 2 ออกจากการเป็นหุ้นส่วนของจำเลยที่ 1 เกินกว่า 2 ปีแล้ว ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์การประเมินของเจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 ไม่ชอบ เพราะสินค้าที่เจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 นำมาเปรียบเทียบนั้นเป็นสินค้าคนละประเภทคนละชนิดกับสินค้าของจำเลยที่ 1 และนำเข้าคนละช่วงเวลา การเรียกเก็บเงินเพิ่มตามมาตรา 112 ตรีเป็นการไม่ชอบ เพราะอธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายไม่ได้มีคำสั่งให้เรียกเก็บเงินเพิ่มจากจำเลย และฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม โดยมิได้บรรยายว่าสินค้ารายการใดเพิ่มขึ้นเท่าใดขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินภาษีอากรจำนวน 106,233.37 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินเพิ่มอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนจากต้นเงินอากรขาเข้า 34,520.76 บาทเป็นรายเดือน นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่าราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงไว้คือกระจกส่องหลังพนักพิงหลังและแผ่นรองพื้น เป็นราคาต่ำกว่าราคาแท้จริงในท้องตลาด พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 จึงประเมินราคาสินค้าและภาษีอากรใหม่รวม 3 รายการ เพิ่มขึ้นเป็นเงิน 86,434.26 บาท มีรายละเอียดตามสำเนาใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าท้ายฟ้อง สำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องมีข้อความระบุไว้ว่า ประเมินราคาสินค้าแต่ละรายการเพิ่มขึ้นเท่าใด คิดเป็นอากรขาเข้าและภาษีการค้าจำนวนเท่าใดคำฟ้องโจทก์แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับแล้วฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ส่วนที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า การประเมินราคากระจกส่องหลังพนักพิงหลัง และแผ่นรองพื้นเพิ่มของเจ้าพนักงานประเมินของโจทก์ที่ 1 ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น โจทก์มีนางสมฤดีมาเบิกความว่า เป็นผู้ประเมินราคากระจกส่องหลัง โดยใช้บัตรราคาที่กองวิเคราะห์ราคาเป็นผู้จัดทำโดยเก็บข้อมูลราคาสินค้าประเภทเดียวกันจากการที่มีผู้นำเข้ารายอื่นเคยสำแดงไว้โดยได้จัดทำขึ้นเมื่อปี 2524 แต่เนื่องจากราคาตามบัตรราคาดังกล่าวเป็นสินค้าสำหรับโซนยุโรป ส่วนสินค้าพิพาทมีแหล่งกำเนิดในโซนเอเซีย จึงลดเปอร์เซ็นต์ให้ตามกฎเกณฑ์ที่กรมศุลกากรกำหนดไว้ ซึ่งจำได้ว่าลดให้มากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์เห็นว่า บัตรราคาเป็นเอกสารภายในที่โจทก์ทำขึ้น บุคคลภายนอกไม่อาจทราบได้ ทั้งมีข้อความส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษไม่มีคำแปลเป็นภาษาไทย นอกจากนี้โจทก์มิได้นำสืบถึงรายละเอียดของสินค้าตามเอกสารดังกล่าวว่า เป็นชนิดและขนาดเล็กหรือใหญ่เพียงใด มีลักษณะอย่างไร เหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ และราคาเป็นเงินไทยเท่าใด นำเข้าโดยใคร เมื่อใด เวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกันขนาดไหน การที่ นางสมฤดีเบิกความว่า สินค้าตามบัตรราคาเป็นสินค้าสำหรับโซนยุโรป แต่สินค้ารายพิพาทมีแหล่งกำเนิดในโซนเอเซียนั้นแสดงให้เห็นว่าเป็นสินค้าต่างแหล่งกำเนิดกัน เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้ได้ความดังกล่าวจึงไม่อาจนำราคาสินค้าตามบัตรราคามาใช้เป็นเกณฑ์ประเมินราคากระจกส่องหลังพิพาทได้ ส่วนพนักพิงหลังและแผ่นรองพื้นนางสุนีย์เบิกความว่า จำเลยได้สำแดงราคาสินค้าพนักพิงหลังและแผ่นรองพื้นต่ำกว่าราคาที่ผู้นำเข้ารายอื่นเคยนำเข้าโดยจำเลยสำแดงราคาพนักพิงหลังในอัตราชุดละ 40 กว่าบาท สำแดงราคาแผ่นรองพื้นชุดละ 30 กว่าบาท แต่ตรวจสอบแล้วพบว่าสินค้าทั้งสองรายการมีผู้นำเข้ารายอื่นสำแดงราคาไว้ในอัตราชุดละ50 บาท เท่ากัน จึงกำหนดราคาสินค้าเป็น 50 บาท ต่อ 1 ชุดทั้งสองรายการ เห็นว่าพยานโจทก์ดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าผู้นำเข้ารายอื่นนั้นคือใคร นำเข้าเมื่อใด ในเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกันขนาดไหนและนางสุนีย์ยังเบิกความว่า สำหรับสินค้าที่ผู้นำเข้ารายอื่นนำเข้ามาโดยสำแดงราคา 50 บาทต่อชุด ซึ่งพยานนำมาเปรียบเทียบกับสินค้ารายพิพาท จะปรากฎอยู่ในใบขนสินค้าขาเข้าเลขที่ใดจำไม่ได้ เนื่องจากพยานได้ย้ายจากด่านศุลกากรท่าอากาศยานกรุงเทพฯ มานานแล้ว และได้มีการย้ายที่ทำการด่านท่าอากาศยานดังกล่าวทำให้ไม่สามารถค้นหาเอกสารรายนี้ได้ พยานโจทก์ดังกล่าวเบิกความลอย ๆ ปราศจากพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ฉะนั้นการที่โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสืบให้ฟังได้ว่า สินค้าพิพาททั้งสามรายการที่จำเลยที่ 1 นำเข้ามีราคาตามที่กล่าวอ้างในฟ้อง จึงไม่อาจถือเอาราคาตามที่เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์ทำการประเมินราคาสินค้าของจำเลยที่ 1 เพิ่มตามฟ้องเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด การประเมินภาษีอากรเพิ่มเติมสำหรับใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าตามฟ้องจึงเป็นการไม่ชอบ
อนึ่ง โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดโดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1ต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ในจำนวนภาษีอากรและเงินเพิ่มภาษีอากรต่าง ๆ ตามฟ้อง เป็นการฟ้องให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์เพียงผู้เดียวเมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง เนื่องจากโจทก์ประเมินภาษีอากรเพิ่มเติมสำหรับใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าตามฟ้องไม่ชอบ ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 29
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง

Share