แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำว่า ส่งทรัพย์สินที่เช่าตามถ้อยคำในมาตรา 563 ป.พ.พ. มิได้ให้คำจำกัดความไว้ และการส่งคืนทรัพย์สิน ที่เช่าตามมาตราดังกล่าว กฎหมายก็มิได้บัญญัติไว้ให้เกี่ยวเนื่องหรือเกี่ยวข้องกับสัญญาเช่าสิ้นสุดหรือการบอกเลิกสัญญาเช่าและตามความในมาตรา 564 ถึงมาตรา 571 (ความระงับแห่งสัญญาเช่า) ก็ไม่ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะว่า ถ้าได้มีการส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าแล้วให้ถือว่าสัญญาเช่าสิ้นสุด ฉะนั้นอายุความ 6 เดือน ตามมาตรา 563 จึงต้องเป็นเรื่องการส่งคืนทรัพย์ที่เช่าเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องคำนึงถึงสัญญาเช่าสิ้นสุดหรือการบอกเลิกสัญญาเช่า
จำเลยได้ติดต่อขอเช่าและทำสัญญาเช่าอุปกรณ์ป้องกันสายไฟฟ้าแรงสูง (ไลน์การ์ด) จากโจทก์จำนวน 43 ชุด โจทก์ได้ให้พนักงานนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปติดตั้งให้จำเลยเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นจำเลยก็ได้รับประโยชน์หรือ ถือว่าได้ใช้อุปกรณ์ที่เช่าดังกล่าวตลอดมา ในระหว่างอายุสัญญาเช่าได้เกิดฝนตกหนักทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ในบริเวณที่อุปกรณ์ป้องกันสายไฟฟ้าแรงสูง (ไลน์การ์ด) ติดตั้งอยู่ ทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวได้รับความเสียหาย 23 ชุด คิดเป็นเงิน 197,780 บาท การที่พนักงานของโจทก์ไปทำการรื้อถอนและเก็บอุปกรณ์ดังกล่าวคืนมานั้นหากไม่มีความชำนาญจะติดตั้งอุปกรณ์ไลน์การ์ดไม่ได้ เพราะไม่มีการดับไฟฟ้าแรงสูง ดังนั้นการที่พนักงานของโจทก์ไป รื้อถอนอุปกรณ์ดังกล่าวและเก็บเอามาทั้งหมดด้วยความยินยอมของจำเลยตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2535 และต่อมาโจทก์เรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายบางส่วนจำนวน 23 ชุด พฤติการณ์จึงพอถือได้ว่าได้มีการ ส่งคืนหรือทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิมตามความหมายทั่ว ๆ ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2535 การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 6 เดือน คดีโจทก์จึงขาดอายุความซึ่งไม่พักต้องคำนึงถึงว่าผู้ว่าการของโจทก์จะได้รับรู้หรือไม่อย่างไร เพราะมาตรา 563 มิได้บัญญัติถึงการรับรู้ของผู้เสียหายไว้ด้วยดังเช่น มาตรา 448 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายตามสัญญาเช่าจำนวน ๒๒๔,๙๗๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงิน ๑๙๗,๗๘๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เหตุคดีนี้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของพนักงานโจทก์เอง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ทั้งคดีโจทก์ขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๓ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๓๕ จำเลยได้ติดต่อขอเช่าและ ทำสัญญาเช่าอุปกรณ์ป้องกันสายไฟฟ้าแรงสูง (ไลน์การ์ด) จากโจทก์จำนวน ๔๓ ชุด ดังปรากฏตามบันทึกและหนังสือสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.๓ และ จ.๔ ต่อมาในวันที่ ๒๓ เดือนเดียวกันโจทก์ได้ให้พนักงานนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปติดตั้งให้จำเลยเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นจำเลยก็ได้รับประโยชน์หรือถือว่าได้ใช้อุปกรณ์ที่เช่าดังกล่าวตลอดมาจนถึงวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๕ ซึ่งอยู่ในระหว่างอายุสัญญาเช่าได้เกิดฝนตกหนักทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ในบริเวณที่อุปกรณ์ป้องกันสายไฟฟ้าแรงสูง (ไลน์การ์ด) ติดตั้งอยู่ ทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวได้รับความเสียหาย ๒๓ ชุด คิดเป็นเงิน ๑๙๗,๗๘๐ บาท วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๓๕ พนักงานของโจทก์ได้ทำการรื้อถอนและเก็บอุปกรณ์ดังกล่าวคืนมา ทั้งหมด และเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๓๖ จำเลยตอบปฏิเสธที่จะไม่ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ๖ เดือนหรือไม่ โดยเรื่องนี้โจทก์ฎีกาว่า การที่พนักงานของโจทก์ไปทำการรื้อถอนและเก็บอุปกรณ์ดังกล่าวคืนมานั้น ยังไม่ถือว่าได้มีการส่งคืนหรือส่งมอบซึ่งทรัพย์สินที่เช่าแก่โจทก์ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๓ อายุความ ๖ เดือน จึงยังไม่เริ่มนับ หรือนำมาใช้ปรับแก่กรณีดังกล่าวมิได้นั้น เห็นว่า คำว่า ส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าตามถ้อยคำในมาตรา ๕๖๓ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มิได้ให้คำจำกัดความไว้ และการส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าตามมาตราดังกล่าว กฎหมาย ก็มิได้บัญญัติไว้ให้เกี่ยวเนื่องหรือเกี่ยวข้องกับสัญญาเช่าสิ้นสุดหรือการบอกเลิกสัญญาเช่าแต่ประการใด และตามความในมาตรา ๕๖๔ ถึงมาตรา ๕๗๑ (ความระงับแห่งสัญญาเช่า) ก็ไม่ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะว่า ถ้าได้มีการส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าแล้วให้ถือว่าสัญญาเช่าสิ้นสุด ฉะนั้นอายุความ ๖ เดือน ตามมาตรา ๕๖๓ จึงต้องเป็นเรื่องการส่งคืนทรัพย์ที่เช่า เพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องคำนึงถึงสัญญาเช่าสิ้นสุดหรือการบอกเลิกสัญญาเช่า และด้วยเหตุดังกล่าว นายวิทยา ธรรมจารี พยานโจทก์ตำแหน่งหัวหน้าหมวดฮอตไลน์ เบิกความว่า หากไม่มีความชำนาญจะติดตั้งอุปกรณ์ไลน์การ์ดไม่ได้เพราะไม่มีการดับไฟฟ้าแรงสูง ดังนั้นการรื้อถอนและการส่งคืนอุปกรณ์ดังกล่าวก็ต้องอยู่ตามนัยเดียวกันโดยจำเลยหรือ คนงานก่อสร้างอาคารของจำเลยก็คงจะเข้าจัดการหรือดำเนินการอะไรไม่ได้ ด้วยเหตุนี้พนักงานของโจทก์ไปรื้อถอนอุปกรณ์ดังกล่าวและเก็บเอามาทั้งหมด พร้อมกับเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายบางส่วนจำนวน ๒๓ ชุด พฤติการณ์จึงพอถือได้ว่า ได้มีการส่งคืนหรือทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิมตามความหมายทั่ว ๆ ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๓๕ ภายใต้การดำเนินการของพนักงานของโจทก์เองอันต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ และด้วยความยินยอมของจำเลย เนื่องจากจำเลยหรือคนงานของจำเลยไม่อาจรื้อถอนและส่งคืนอุปกรณ์ดังกล่าวคืนแก่โจทก์ได้โดยตรง ดังนี้ การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อพ้นกำหนด ๖ เดือน คดีโจทก์จึงขาดอายุความซึ่งไม่พักต้องคำนึงถึงว่าผู้ว่าการของโจทก์จะได้รับรู้หรือไม่อย่างไร เพราะมาตรา ๕๖๓ มิได้บัญญัติถึงการรับรู้ของผู้เสียหายไว้ด้วยดังเช่น มาตรา ๔๔๘ วรรคหนึ่ง
พิพากษายืน .