แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ประกอบกิจการสั่งสินค้าเข้าและส่งสินค้าออก ไม่เคยให้เช่าเรือหรือให้เช่าสังหาริมทรัพย์มาก่อน เมื่อจำเลยเช่าเรือจากโจทก์ โจทก์จึงมิได้เป็นผู้ประกอบการค้าในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์ คดีฟ้องเรียกค่าเช่าเรือที่ค้างไม่ตกอยู่ในอายุความ 2 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา165(6) แต่เป็นคดีที่มี อายุความ 5 ปี ตาม มาตรา 166
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 3,382,947.04 บาท พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงเป็นยุติไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยได้เช่าเรือจำนวน 5 ลำ ตามฟ้องโจทก์โจทก์จำเลยได้เลิกการเช่าดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2517 และจำเลยยังค้างชำระค่าเช่าโจทก์อยู่เป็นเงิน 161,192.74 เหรียญสหรัฐอเมริกาคิดเป็นเงินไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องเป็นเงิน 3,382,947บาท 04 สตางค์จริง คดีมีประเด็นตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า
1. โจทก์เป็นนิติบุคคลและมีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ และ 2 คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยตามลำดับไป
สำหรับประเด็นข้อแรกนั้นโจทก์มีนายอึ้ง ซีฮง กรรมการผู้จัดการของบริษัทโจทก์มาเบิกความว่าบริษัทโจทก์เป็นบริษัทจำกัด จดทะเบียนตามกฎหมายที่ประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์มีกรรมาการ 3 คนคือ นายอึ้ง ซีฮง นายมาดาล เตโฮเฮง และนายเฮง และนายเต็ง โฮจง กรรมการคนหนึ่งคนใดลงนามประทับตราแทนบริษัทได้ ส่วนจำเลยก็นำสืบรับว่าได้ทำสัญญาเช่าเรือกับบริษัทโจทก์จริงตามฟ้อง และได้ทำเอกสารหมาย จ.20 ท้ายฟ้องกับโจทก์จริง ซึ่งปรากฏตามเอกสารหมาย จ.20 นี้เองว่านายอึ่ง ซีฮงเป็นผู้ทำเอกสารฉบับนี้ขึ้นร่วมกับพลเรือเอกจิตต์ สังขดุลย์และพลเรือตรีบรรพต สุดแสวงกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลย ดังนี้ถึงแม้โจทก์จะมิได้หนังสือรับรองของทางราชการของประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์มาแสดงต่อศาล ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าบริษัทโจทก์เป็นนิติบุคคลและนายอึ้ง ซีฮงเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้
ส่วนประเด็นข้อ 2 นั้น ปราฏว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องมาตามข้อ 1 และข้อ 2 โดยชัดแจ้งว่าโจทก์ซึ่งโดยปกติธุระมิได้เป็นผู้ประกอบการค้าในการให้เช่าอสังหามริมทรัพย์ แต่โจทก์ประกอบกรค้าเป็นผู้รับและส่งสินค้าเข้าในและออกนอกประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์และเป็นตัวแทนเรือเดินสมุทรที่รับขนสินค้าทางทะเล จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธแต่ประการใด ในทางพิจารณาโจทก์ก็มีนายอึ้ง ซีฮงกรรมการบริษัทโจทก์และนายชอง ยูงทองมาเบิกความประกอบกันฟังได้ว่า โจทก์ประกอบกิจการคือการสั่งสินค้าเข้าและส่งสินค้าออกซึ่งสินค้าข้าว ข้าวโพด และไม้ โจทก์ไม่เคยให้เช่าเรือหรือให้เช่าสังหาริมทรัพย์มาก่อนแม้จำเลยจะมีนายเอกชัย วงศ์พรหมมินทร์ มาเบิกความว่า การเป็นตัวแทนเรือของโจทก์หมายถึงการซื้อขายเรือและการให้เช่าเรือด้วย ก็เป็นการเบิกความตามความเข้าใจของนายเอกชัย และเป็นการนอกเหนือคำให้การจำเลย จึงไม่อาจรับฟังได้ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามฟ้องของโจทก์ว่าโจทก์มิได้เป็นผู้ประกอบการค้าในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์ คดีโจทก์จึงไม่เคยตกอยู่ในอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1165(6) แต่เป็นคดีที่มีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยได้บอกเลิกการเช่าไปยังโจทก์เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2517 ตามเอกสารหมาย ล.13 จำเลยมิได้ฎีกาโต้เถียงเป็นอย่างอื่น และอึ้งซีฮงกรรมการบริษัทโจทก์ก็เบิกความรับว่าโจทก์ จำเลยเลิกสัญญาเช่ากันเมื่อ พ.ศ. 2517 ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่าโจทก์จำเลยเลิกสัญญาเช่าเรือตามฟ้องกันแล้วตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2517 ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อนับถึงวันฟ้องวันที่ 7 มีนาคม 2522 ยังไม่เกินกำหนด 5 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นฎีกาแทนโจทก์เป็นเงิน 3,000 บาทด้วย