คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3555/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างไม่ทำงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง แต่เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งในเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นประการใดและอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้างหรือไม่เพียงใด จึงมิใช่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งในกรณีร้ายแรง และมิใช่เป็นการจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายโดยตรง นายจ้างจึงไม่มีเหตุที่จะเลิกจ้างได้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตเลิกจ้างกรรมการลูกจ้าง อ้างว่ากระทำผิดระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีที่ร้ายแรงเมื่อศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าการกระทำยังไม่เป็นความผิดร้ายแรงจึงไม่มีเหตุที่จะเลิกจ้างได้ อุทธรณ์ของผู้ร้องที่ว่าแม้มิใช่กรณีร้ายแรง ศาลก็ชอบที่จะมีคำสั่งอนุญาตให้เลิกจ้างได้ จึงเป็นอุทธรณ์ที่นอกเหนือไปจากข้ออ้างที่ยกขึ้นเป็นเหตุตามคำร้องเป็นอุทธรณ์ที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้าง อ้างว่าผู้คัดค้านจงใจฝ่าฝืนหรือขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาในการปฏิบัติงาน จงใจบ่อนทำลายชื่อเสียงของผู้ร้อง ชักชวนหรือยุยงให้พนักงานกระด้างกระเดื่องก่อให้เกิดความวุ่นวายขาดความสามัคคี อันเป็นการผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานซึ่งผู้ร้องมีสิทธิเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านไม่เคยกระทำการอันเป็นการผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้อง ขอให้ยกคำร้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของผู้คัดค้านไม่ใช่เป็นการบ่อนทำลายชื่อเสียง ไม่ใช่เป็นการชักชวนหรือยุยงให้พนักงานกระด้างกระเดื่อง อันเป็นการผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน และการที่ผู้คัดค้านไม่ทำงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาและกล่าววาจาไม่สุภาพต่อผู้บังคับบัญชา ก็ยังไม่เป็นความผิดร้ายแรงและผู้ร้องไม่เคยตักเตือนเป็นหนังสือ ซึ่งจะเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และมิใช่เป็นการจงใจทำให้ได้รับความเสียหายจึงไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะเลิกจ้าง ได้ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้คัดค้านไม่ทำงานตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่ง อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้คัดค้านไม่ทำงานอันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งในเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นประการใด และอาจทำ ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องหรือไม่เพียงใดการฝ่าฝืนคำสั่งจึงมิใช่การฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรงและก็ไม่ใช่เป็นการจงใจทำให้ได้รับความเสียหายโดยตรง ซึ่งผู้ร้องมีสิทธิที่จะเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามคำร้อง อุทธรณ์ของผู้ร้องที่ว่าแม้มิใช่กรณีร้ายแรงก็ชอบที่ศาล จะมีคำสั่ง อนุญาต ให้เลิกจ้างได้นั้น เป็นเรื่องนอกเหนือไปจากข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ผู้ร้องจึงไม่มีเหตุที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านได้
พิพากษายืน.

Share