แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อยังไม่มีการประเมินภาษีผู้ที่จะต้องเสียภาษีจะนำคดีเกี่ยวกับภาษีนั้นมาฟ้องร้องต่อศาลทีเดียวไม่ได้ ถือว่า ไม่ใช่กรณีจะฟ้องได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 55.
ย่อยาว
ความว่า เมื่อก่อนทางการไม่ได้เก็บภาษีการขายอาหารในรถสะเบียงรถไฟ ต่อมาภายหลังกรมสรรพากรสั่งเก็บภาษีโรงค้าบนรถสะเบียงตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็นต้นไป นายบุญส่งผู้รับมอบฉันทะจากโจทก์ ซึ่งเป็นพ่อค้า และพ่อค้าคนอื่น ๆ ได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากรโต้แย้งว่าการสะเบียงไม่เข้าบทบัญญัติอันต้องเสียภาษีโรงค้า อธิบดีกรมสรรพากรสั่งว่าต้องเก็บโจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ ขอให้ศาลแสดงว่า การขายอาหารบนรถสะเบียง ไม่ใช่ร้านค้าไม่ต้องเสียภาษีร้านค้า คำสั่งของจำเลยที่ให้เก็บไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยให้การว่า การขายอาหารและเครื่องดื่มในสถานที่รถไฟโดยสารเป็นร้านค้า ต้องเสียภาษีโรงค้าคำสั่งของจำเลยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ยังไม่ได้ยื่นรายงานและเจ้าพนักงานยังมิได้ประเมินเก็บ จึงยังไม่มีสิทธิตามกฎหมาย จะนำคดีมาฟ้องให้ศาลวินิจฉัย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การเก็บภาษีโรงค้านี้ ประมวลรัษฎากรบัญญัติไว้ว่า ผู้จะต้องเสียภาษี จะต้องยื่นรายการต่อเจ้าพนักงาน ๆ จะได้ทำการประเมินถ้าผู้เสียภาษีเห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินไม่ถูก ก็ให้อุทธรณ์ต่อข้าหลวงประจำจังหวัดหรืออธิบดี ต่อศาลได้ คดีนี้โจทก์จำเลยเถียงกันในปัญหาข้อกฎหมาย ยังไม่ได้มีการประเมินและก็เมื่อแม้จะถูกประเมินก็ยังมาฟ้องต่อศาลทีเดียวไม่ได้ ไฉนจะมาฟ้องได้เมื่อยังไม่มีการประเมินเลย จึงต้องถือว่า ไม่ใช่กรณีจะฟ้องได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๕๕.
พิพากษายืน.