คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามคำฟ้องและคำให้การคดีมีประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลกำหนดเพียงว่า จำเลยมีความรับผิดต้องชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์หรือไม่ส่วนข้อเท็จจริงตามเอกสารที่โจทก์ใช้ประกอบคำเบิกความของพยานมิได้เป็นประเด็นโต้เถียง กันในคดี ทั้งตามคำพิพากษาของศาลที่วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงมา ไม่ปรากฏว่าได้อ้างถึงหรือนำเอกสารที่จำเลยคัดค้านว่ามิได้ส่งสำเนาให้จำเลยมาใช้ในการวินิจฉัยคดีแต่อย่างใด ดังนั้น โจทก์จึงไม่จำต้องส่งสำเนาเอกสารนั้นให้แก่จำเลยก่อน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ตั้งแต่ พ.ศ. 2513ต่อมาวันที่ 31 มีนาคม 2529 โจทก์ไล่จำเลยออกจากงานฐานผิดวินัยอย่างร้ายแรงเนื่องจากขณะจำเลยปฏิบัติงานเป็นลูกจ้างของโจทก์ในตำแหน่งทนายความระหว่าง พ.ศ. 2520 ถึง พ.ศ. 2524 จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงใจและประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์เสียหายหลายประการและจำเลยได้ซื้อเชื่อสินค้าจากร้านค้าของโจทก์รวมเป็นเงิน 578.50บาท นอกจากนี้ จำเลยได้รับเงินค่าจ้างจากโจทก์เกินไป 1 วันคิดเป็นเงิน 236.93 บาท ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ชดใช้เงินจำนวนทั้งสิ้น 69,725.45 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ข้อหาตามฟ้องไม่ใช่ความผิดของจำเลย จำเลยได้ชำระเงินค่าซื้อสินค้าเชื่อแล้ว ค่าจ้างที่จำเลยได้รับไว้สำหรับวันที่ 31 มีนาคม 2529 จำเลยมีสิทธิได้รับเพราะจำเลยไปทำงานในวันนั้น โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกคืน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน 69,725.45บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลแรงงานกลางสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะเกี่ยวกับการรับฟังพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย อุทธรณ์นอกนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ จึงไม่รับ
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าการที่ศาลแรงงานกลางสั่งรับเอกสารที่โจทก์อ้างโดยไม่ได้ส่งสำเนาให้จำเลยตามกฎหมายไว้เป็นพยานและรับฟังพยานเอกสารดังกล่าว เป็นการไม่ชอบ นั้น พิเคราะห์แล้ว เอกสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานโดยไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยตามกฎหมายคือเอกสารหมาย จ.1, จ.2, จ.6,จ.7, จ.8, จ.12 และ จ.13 เอกสารหมาย จ.1 คือคำสั่งของโจทก์ย้ายจำเลยจากหัวหน้าหมวดอบรม แผนกฝึกอบรม กองการเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ไปเป็นทนายความ แผนกทนายความ ฝ่ายบริหาร เอกสารหมายจ.2 คือทะเบียนการทำงาน ความชอบ ความผิด รายของจำเลย เอกสารหมายจ.6 คือหนังสือสัญญาจ้างที่โจทก์จ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดวันดีเฟอร์นิชิ่ง ทำการก่อสร้างอาคารฯ ในบริเวณที่ดินของโจทก์เอกสารหมาย จ.7 คือบันทึกข้อความของเจ้าหน้าที่ของโจทก์เกี่ยวกับการที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวทำการก่อสร้างอาคารฯ บกพร่องแล้วไม่ดำเนินการแก้ไข ขอให้โจทก์จ้างบริษัทอื่นเป็นผู้ทำการซ่อมแซมแทนและเรียกให้ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวนำเงินค่าซ่อมแซมมาชำระแก่โจทก์เอกสารหมาย จ.8 คือหนังสือทวงถามของโจทก์ขอให้ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวนำเงินค่าซ่อมแซมมาชำระ เอกสารหมาย จ.12 คือคำสั่งของโจทก์ไล่จำเลยออกจากงานฐานประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรง และเอกสารหมาย จ.13 คือบันทึกข้อความของกองประมวลบัญชี เรื่องแจ้งหนี้ของจำเลยเพื่อดำเนินคดีฟ้องร้องต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องและคำให้การคดีมีประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลแรงงานกลางกำหนดเพียงว่า จำเลยมีความรับผิดต้องชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์หรือไม่ส่วนข้อเท็จจริงตามเอกสารดังกล่าวที่โจทก์ใช้ประกอบคำเบิกความของพยานมิได้เป็นประเด็นโต้เถียงกันในคดีแต่อย่างใด ทั้งตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงมา ไม่ปรากฏว่าได้อ้างถึงหรือนำเอกสารที่จำเลยคัดค้านว่ามิได้ส่งสำเนาให้จำเลยดังกล่าวมาใช้ในการวินิจฉัยคดีแต่อย่างใด นอกจากเอกสารหมาย จ.13 ซึ่งจำเลยก็ยอมรับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในเอกสารนั้นแล้ว ดังนั้นโจทก์จึงไม่จำต้องส่งสำเนาเอกสารนั้นให้แก่จำเลย คำพิพากษาของศาลแรงงานกลางชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share