คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2472

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดามารดาเด็กทำสัญญาจะขายที่ดินซึ่งมีชื่อเด็กเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วยในนามของตนเองแต่ในหนังสือขอแยกโฉนดที่ยื่นต่อหอทะเบียนได้แถลงไว้ว่าขออนุญาตขายแทนบุตร์ แลบุตร์ได้ลงชื่อในคำขอนั้นบุตร์ต้องรับผิดในสัญญาจะขายนั้นด้วยค่าธรรมเนียม เมื่อไรศาลจะบังคับให้คู่ความเสียค่าธรรมเนียมนั้นแล้วแต่เหตุผลในคดี

ย่อยาว

คดีนี้ศาลเดิมแลศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อที่บังคับให้จำเลยขายที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายเสียโดยไม่เรียกพะยานโจทก์จำเลยมาสืบ เพราะเห็นว่าตามสัญญานั้นไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ ๑ ได้ทำแทนหรือทำในฐานะเป็นผู้ปกครองจำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นผู้เยาว์
โจทก์ฎีกาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ถึงแม้ในสัญญาซื้อขายจะมีแต่ข้อความว่า นายยานางเผื่อนตกลงจะแบ่งขายที่ดินโฉนดที่ ๕๘๘๗ ตอนหนึ่งให้แก่นางเง็ก นายหลิ่วตามที่ได้ยื่นคำขอแบ่งแยกไว้ต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรีแล้ว ซึ่งไม่ได้กล่าวชื่อจำเลยที่ ๓ ไว้ด้วยหรือกล่าวว่าจำเลยที่ ๑ ทำแทนจำเลยที่ ๓ ก็ดี แต่ตามคำขอแบ่งแยกโฉนดที่ยื่นต่อหอทะเบียนที่ดินซึ่งลงวันเดียวกับวันทำสัญญาบ่งไว้ชัดว่า จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นผู้เยาว์ได้เป็นเจ้าของร่วมในที่ดินส่วนที่จะขายนี้แลจำเลยที่ ๑ ขออนุญาตขายแทนจำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นบุตร์ด้วย ทั้งจำเลยที่ ๓ ก็ได้แถลงไว้คำขอนั้นว่ายินยอมให้บิดาขายที่ส่วนของตนแทน กับได้ลงลายมือชื่อไว้ในคำขอนั้น แลในคำขออีกฉบับหนึ่งก็มีแถลงไว้ว่าจำเลยที่ ๑ แทนจำเลยที่ ๓ โดยเป็นผู้ปกครองดังนี้กรรมการเห็นว่าข้อความในสัญญาได้กล่าวท้าวความถึงคำขออยู่แล้ว ฉนั้นข้อความในคำขอนี้ต้งอเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขายด้วย จึงตัดสินให้ยกคำพิพากษาศาลล่างเสีย ให้ศาลจังหวัดจัดการพิจารณาแลพิพากษาใหม่ส่วนค่าธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้งดไว้เพื่อให้เป็นไปตามผลแห่งคดีในชั้นหลัง

Share