คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3530/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินเดือนของโจทก์เป็นค่าจ้างที่คนงานเรียกเอาจากนายจ้างมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (9) วรรคแรก เมื่อกำหนดจ่ายค่าจ้างเป็นวันก่อนวันสิ้นเดือนหนึ่งวัน การจ่ายค่าจ้างสำหรับวันที่ 1 ถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2523 ก่อนโจทก์ถูกสั่งพักงานจึงตกเป็นวันที่ 30 ตุลาคม 2523 โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา การถูกสั่งพักงาน ถูกข้อหาปล้นทรัพย์ถูกดำเนินคดีอาญา ไม่เป็นอุปสรรคกีดกันมิให้โจทก์สามารถบังคับตามสิทธิของตนได้ และไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง โจทก์มิได้บังคับตามสิทธิของตนภายในเวลาอันกฎหมายกำหนดไว้ ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
ศาลแรงงานกลางมิได้จดประเด็นข้อพิพาทไว้ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานกลางจดประเด็นข้อพิพาท ศาลแรงงานกลางสั่งยกคำร้อง ดังนี้ คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ปฏิเสธไม่ยอมจดประเด็นข้อพิพาทเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(2) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ฯ มาตรา 31

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย โจทก์ถูกตำรวจจับและถูกดำเนินคดีข้อหาปล้นทรัพย์ จำเลยสั่งพักงานโจทก์ ต่อมาศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด โจทก์ขอกลับเข้าปฏิบัติงานตามเดิมและขอรับค่าจ้างระหว่างพักงานจำเลยกลับแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยและมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ ขอให้เพิกถอนคำสั่งเลิกจ้าง ให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงาน และจ่ายค่าจ้างระหว่างพักงานถึงวันฟ้องกับค่าจ้างเดือนตุลาคม ๒๕๒๓ ซึ่งค้างชำระก่อนถูกสั่งพักงานพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องข้อหาปล้นทรัพย์แล้วโจทก์ถูกสอบสวนทางวินัย คณะกรรมการสอบสวนและจำเลยเห็นว่าโจทก์มีความผิดทางวินัยซึ่งเป็นคนละกรณีกับการที่โจทก์ถูกฟ้องคดีอาญา จำเลยกระทำตามระเบียบข้อบังคับและข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างแล้ว จึงไม่ต้องจ่ายเงินใด ๆ ตามฟ้องและฟ้องโจทก์เกี่ยวกับเงินทุกประเภทขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลาง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า เงินเดือนของโจทก์เป็นค่าจ้างที่คนงานเรียกเอาจากนายจ้างย่อมตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕(๙) ซึ่งมีอายุความสองปีตามความในวรรคแรก เมื่อกำหนดจ่ายค่าจ้างเป็นวันก่อนวันสิ้นเดือนหนึ่งวัน การจ่ายค่าจ้างสำหรับวันที่ ๑ ถึงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๒๓ จึงตกเป็นวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๒๓ โจทก์อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องได้นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา การถูกสั่งพักงาน ถูกข้อหาปล้นทรัพย์ ถูกดำเนินคดีอาญาไม่เป็นอุปสรรคกีดกันมิให้โจทก์สามารถบังคับตามสิทธิของตนได้ และไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงเมื่อโจทก์มิได้บังคับตามสิทธิของตนภายในเวลาอันกฎหมายกำหนดไว้ ฟ้องโจทก์จึงตกเป็นอันขาดอายุความ ห้ามมิให้ฟ้องร้อง
ศาลแรงงานกลางมิได้จดประเด็นข้อพิพาทไว้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานกลางและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๙ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานกลางจดประเด็นข้อพิพาท ศาลแรงงานสั่งยกคำร้อง ดังนี้คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ปฏิเสธไม่ยอมจดประเด็นข้อพิพาทนั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าวแล้ว โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งนั้นจึงไม่มีสิทธิที่อุทธรณ์คำสั่งของศาลแรงงานกลางตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖(๒) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑
พิพากษายืน

Share