คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนฟ้องคดีก่อน โจทก์ทราบอยู่แล้วว่าที่ดินพิพาทมีที่งอกครั้นเวลาโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีก่อน ฟ้องขอแบ่งเพียงที่ดินภายในโฉนดไม่ได้ฟ้องขอแบ่งที่งอกด้วยเหตุที่ฟ้องอ้างว่า ที่พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนางเปลื้องผู้ตายซึ่งเป็นมารดาจำเลย ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดไปแล้ว ต่อมา โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีหลังขอแบ่งที่งอกอีกอ้างว่าเป็นสินสมรสเช่นคดีก่อนถือว่าฟ้องคดีหลังเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

ย่อยาว

ตามฟ้อง คำให้การ และคำแถลงของคู่ความ รับกันว่าโจทก์จำเลยเคยเป็นความกันในคดีก่อน โดยโจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินในโฉนดที่ 6675โดยอ้างว่าเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนางเปลื้อง มิได้ฟ้องขอแบ่งที่งอกด้วย ในคดีหลังนี้โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่งอกของที่ดินรายเดียวกัน โดยอ้างว่าเป็นสินสมรสเช่นเดียวกันกับคดีก่อนคดีก่อนถึงที่สุดแล้ว จำเลยเป็นบุตรนางเปลื้อง นางเปลื้องถึงแก่กรรมไปนานแล้ว

จำเลยต่อสู้และขอให้ศาลชี้ขาดว่าเป็นฟ้องซ้ำ

ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่า คดีก่อนพิพาทกันเฉพาะที่ดินในโฉนด 6675 ส่วนคดีนี้เกี่ยวกับที่งอก ประเด็นที่จะวินิจฉัยไม่ใช่อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1308 ว่า ที่งอกเป็นของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น ฉะนั้น ที่งอกรายนี้จึงรวมเป็นทรัพย์ชิ้นเดียวกันหรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อโจทก์เคยฟ้องขอแบ่งทรัพย์ชิ้นนี้โดยอ้างว่าเป็นสินสมรสจนศาลพิพากษาให้แบ่งคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องขอแบ่งทรัพย์อันเดียวกันนี้โดยอ้างว่าเป็นสินสมรสอีก ย่อมเป็นการฟ้องร้องในประเด็นเดียวกับในคดีก่อนซึ่งศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์ได้ทราบมานานแล้วก่อนที่โจทก์ฟ้องคดีแรกว่า ที่พิพาทนี้มีที่งอก ที่งอกถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินประธานและย่อมเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น เมื่อโจทก์มิได้กล่าวในฟ้องขอแบ่งที่งอกเสียในคดีก่อน ฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share