คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3516/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าแก่จำเลยที่ 1 เพื่อขนส่งมาให้โจทก์ที่ประเทศไทยแล้ว แต่โจทก์เป็นผู้รับตราส่ง ไม่ใช่คู่สัญญารับขนเมื่อสินค้าได้สูญหายไปก่อนถึงการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นสถานที่ที่กำหนดให้ส่งสินค้า แม้โจทก์จะได้เรียกให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย ส่งมอบสินค้าแต่เมื่อสินค้าได้สูญหายไปก่อนแล้ว ย่อมไม่อาจส่งมอบและรับมอบสินค้ากันได้ สิทธิของผู้ส่งหรือผู้ตราส่งอันเกิดแต่สัญญารับขนยังไม่ตกได้แก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อฝ้ายดิบจากประเทศอาร์เจนตินาจำนวน 226 เม็ด ราคาสินค้าซึ่งรวมค่าระวางพาหนะเป็นเงิน 67,918.90 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นเงินไทย1,734,646.71 บาท จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขนส่งสินค้าดังกล่าวทอดแรกจากประเทศอาร์เจนตินาโดยเรือโทปาชมายังประเทศไทย ส่วนจำเลยที่ 2 ร่วมขนส่งกับจำเลยที่ 1โดยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย จำเลยที่ 1 ได้ออกใบตราส่งให้แก่ผู้ส่งสินค้าไว้และเมื่อผู้ขายได้รับชำระราคาแล้วก็ได้โอนใบตราส่งให้แก่โจทก์ ต่อมากลางเดือนพฤศจิกายน 2533จำเลยที่ 2 แจ้งแก่โจทก์ว่า เรือโทปาชซึ่งขนส่งสินค้าดังกล่าวจะมาถึงประเทศไทยในปลายเดือนพฤศจิกายน 2533และจะขนถ่ายสินค้าขึ้นที่ท่าเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทยทันทีครั้นวันที่ 26 ธันวาคม 2533 การท่าเรือแห่งประเทศไทยแจ้งแก่โจทก์ว่าการท่าเรือแห่งประเทศไทยไม่ได้รับสินค้าดังกล่าวจากเรือโทปาช เพราะสินค้าสูญหายไป โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายแล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยจำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิดใช้ราคาสินค้า และค่าระวางพาหนะดังกล่าว รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียแก่ธนาคารในการดำเนินการชำระเงินค่าสินค้าซึ่งรวมค่าระวางพาหนะเป็นเงิน 104,716.76 บาท และค่าภาษีอากรขาเข้าที่โจทก์ชำระให้กรมศุลกากรเพื่อจะขอรับสินค้าจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นเงิน 83,974 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,923,336.71 บาทและดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 25 มีนาคม 2534 ถึงวันฟ้องซึ่งโจทก์ขอคิดเพียง 240 วัน เป็นเงินดอกเบี้ย 96,166.83 บาทขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงิน 2,019,503.54 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 1,923,336.71 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะยังไม่ได้ชำระราคาสินค้าแก่ผู้ขาย และยังไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าจากผู้ส่งสินค้า สินค้าดังกล่าวได้ถูกขนถ่ายจากเรือโทปาปลำเลียงเข้าเก็บในคลังสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยครบถ้วนโจทก์มีหน้าที่ต้องไปรับสินค้าจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย คลังสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงถือเป็นจุดหมายปลายทางในการขนส่ง จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดในความสูญหายของสินค้าต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นผู้รับตราส่งมิใช่ผู้ส่งสินค้าจึงไม่ใช่คู่สัญญารับขน สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่สัญญารับขนเกิดขึ้นต่อเมื่อสินค้าถึงตำบลที่กำหนดให้ส่งและโจทก์ได้เรียกให้ส่งมอบแล้ว แต่สินค้ารายนี้สูญหายไปก่อนขนส่งถึงกรุงเทพมหานคร โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อเรือโทปาชมาถึงประเทศไทย จำเลยที่ 2 แจ้งให้โจทก์ทราบว่าสินค้าโจทก์มาถึงประเทศไทยแล้ว โจทก์ผู้รับตราส่งเรียกให้จำเลยที่ 2ส่งมอบแล้วและได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องไปขอรับสินค้าจากโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย แต่เมื่อการท่าเรือแห่งประเทศไทยแจ้งแก่โจทก์ว่าสินค้าของโจทก์ขาดหายไปตามรายการสินค้าขาดและเกินจากบัญชีสินค้าเรือเอกสารหมาย จ.11 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยทั้งสองโจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายและจำเลยทั้งสองต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามฟ้องนั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้สินค้าพิพาทอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ผู้ขนส่งสินค้า โดยผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าแก่จำเลยที่ 1 เพื่อขนส่งมาให้โจทก์ที่ประเทศไทยก็ตาม แต่โจทก์เป็นผู้รับตราส่งสินค้าพิพาทไม่ใช่ผู้ส่งหรือผู้ตราส่ง จึงมิใช่คู่สัญญารับขน สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่สัญญารับขนจึงต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 ที่บัญญัติว่า”เมื่อของถึงตำบลที่กำหนดให้ส่งและผู้รับตราส่งได้เรียกให้ส่งมอบแล้ว ท่านว่าแต่นั้นไปสิทธิทั้งหลายของผู้ส่งอันเกิดแต่สัญญารับขนนั้นย่อมตกไปได้แก่ผู้รับตราส่ง” คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามเอกสารหมาย จ.11 ว่า สินค้าพิพาทได้สูญหายไปก่อนถึงการท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นสถานที่ที่กำหนดให้ส่งสินค้าพิพาทแม้โจทก์ผู้รับตราส่งจะได้เรียกให้จำเลยที่ 2 ส่งมอบสินค้าแล้วก็ตามแต่เมื่อสินค้าพิพาทได้สูญหายไปก่อนดังกล่าวแล้วย่อมไม่อาจส่งมอบและรับมอบสินค้ากันได้ สิทธิของผู้ส่งหรือผู้ตราส่งอันเกิดแต่สัญญารับขนยังไม่ตกได้แก่โจทก์ผู้รับตราส่งตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share