คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3512/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่29มีนาคม2537ที่ว่าคำพิพากษาไม่ผูกพันบุคคลภายนอกแม้จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากคำพิพากษาในคดีนี้คำพิพากษาจึงไม่ผูกพันท.นั้นเป็นคำสั่งเกี่ยวกับบุคคลภายนอกซึ่งมิได้เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลว่าคำพิพากษาไม่ผูกพันบุคคลภายนอกส่วนคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่27เมษายน2537ที่ว่าคู่ความทุกฝ่ายมีหน้าที่ต้องปฏิบัติคำพิพากษาผู้ร้องที่2ไม่มีอำนาจแจ้งอายัดมิให้เจ้าพนักงานที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษาผู้ร้องทั้งสองไม่มีอำนาจคัดค้านมิให้จดทะเบียนใส่ชื่อท.ถือกรรมสิทธิ์ร่วมด้วยและให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนที่ดินพิพาทด้านทิศเหนือเนื้อที่26ไร่ใส่ชื่อผู้ร้องทั้งสองและท.ร่วมกันโดยมิต้องระบุส่วนแบ่งของแต่ละคนนั้นเป็นคำสั่งเกี่ยวกับคู่ความที่มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคู่ความอีกฝ่ายร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาจึงเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกันกรณีมิใช่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดข้อหนึ่งแห่งคดีแล้วดำเนินกระบวนการพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดนั้นอันจะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา144

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องทั้งสองและผู้คัดค้านทั้งสองทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงแบ่งที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินโฉนดที่1084 ตำบลบางหวายใต้ (คลองซอยที่ 2 ฝั่งตะวันตก) อำเภอคลองหลวงจังหวัดธัญบุรี (ปทุมธานี) ด้านทิศเหนือเนื้อที่ 26 ไร่ ให้แก่ผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลว ดีพร้อม ส่วนด้านทิศใต้เนื้อที่ 25 ไร่ 3 งาน 96 ตารางวา ให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสองและบ้านเลขที่ 17 หมู่ที่ 1 ในที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องทั้งสองผู้คัดค้านทั้งสองและในฐานะผู้จัดการมรดกของนางต่อม เผือกฟักและสิบโทอยู่ เผือกฟัก จะดำเนินการรังวัดแบ่งแยกที่ดินพิพาทและจดทะเบียนลงชื่อผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลวในโฉนดที่ดินภายใน 7 วัน นับแต่วันทำสัญญาศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด
ผู้คัดค้านที่ 2 และในฐานะผู้จัดการมรดกของนางต่อม และสิบโทอยู่ยื่นคำร้องลงวันที่ 1 เมษายน 2537 ว่า ผู้ร้องทั้งสองและเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี สาขาคลองหลวง ไม่ยอมจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาท ขอให้บังคับบุคคลทั้งสามจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาท
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2537 ว่าศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว คู่ความทุกฝ่ายมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามผู้ร้องทั้งสอง (ที่ถูกคืนผู้ร้องที่ 2) ไม่มีอำนาจแจ้งอายัดมิให้เจ้าพนักงานที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษา ผู้ร้องทั้งสองไม่มีอำนาจคัดค้านมิให้จดทะเบียนใส่ชื่อนางทองเปลวถือกรรมสิทธิ์รวมด้วยแต่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวมิได้ระบุส่วนแบ่งของผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลวไว้ชัดแจ้ง ทั้งผู้ร้องทั้งสองยังคัดค้านในเรื่องส่วนแบ่งอยู่ จึงให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทด้านทิศเหนือเนื้อที่ 26 ไร่ ใส่ชื่อผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลวร่วมกันโดยมิต้องระบุส่วนแบ่งของแต่ละคน
ผู้ร้อง ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้อง ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า หลังจากทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่าสัญญาประนีประนอมยอมความคำพิพากษาตามยอม และรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 9 เมษายน 2534 ในคดีนี้ไม่มีผลผูกพันนางทองเปลว ดีพร้อม เนื่องจากเป็นบุคคลภายนอกศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ 29 มีนาคม 2537 ว่าคำพิพากษาผูกพันคู่ความในคดีให้ต้องปฏิบัติตาม แต่ไม่ผูกพันบุคคลภายนอกแม้จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากคำพิพากษาคำพิพากษาคดีนี้จึงไม่ผูกพันนางทองเปลว ต่อมาศาลชั้นต้นนัดสอบถามคู่ความและเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี สาขาคลองหลวง กรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้น เมื่อสอบถามแล้วศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ 27 เมษายน 2537 ว่า คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว คู่ความทุกฝ่ายมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา ผู้ร้องทั้งสอง(ที่ถูกคือผู้ร้องที่ 2) ไม่มีอำนาจแจ้งอายัดมิให้เจ้าพนักงานที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษา ผู้ร้องทั้งสองไม่มีอำนาจคัดค้านมิให้จดทะเบียนใส่ชื่อนางทองเปลวถือกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย แต่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวมิได้ระบุส่วนแบ่งของผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลวไว้ชัดแจ้ง ทั้งผู้ร้องทั้งสองยังคัดค้านในเรื่องส่วนแบ่งอยู่ จึงให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทด้านทิศเหนือเนื้อที่ 26 ไร่ ใส่ชื่อผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลวร่วมกันโดยมิต้องระบุส่วนแบ่งของแต่ละคน ที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกาว่าศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจมีคำสั่งลงวันที่ 27 เมษายน 2537 ได้ เพราะผลแห่งคำสั่งดังกล่าวเท่ากับเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลเดียวกันอันเกี่ยวกับประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วตามคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 29 มีนาคม 2537 จึงเป็นการต้องห้าม ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 27 เมษายน 2537 นั้นเห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 29 มีนาคม 2537 ที่ว่า คำพิพากษาไม่ผูกพันบุคคลภายนอกแม้เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากคำพิพากษาในคดีนี้คำพิพากษาจึงไม่ผูกพันนางทองเปลวนั้น เป็นคำสั่งเกี่ยวกับบุคคลภายนอกซึ่งมิได้เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลว่าคำพิพากษาไม่ผูกพันบุคคลภายนอก ส่วนคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่27 เมษายน 2537 ที่ว่า คู่ความทุกฝ่ายมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา ผู้ร้องที่ 2 ไม่มีอำนาจแจ้งอายัดมิให้เจ้าพนักงานงานที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษา ผู้ร้องทั้งสองไม่มีอำนาจคัดค้านมิให้จดทะเบียนใส่ชื่อนายทองเปลวถือกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย และให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทด้านทิศเหนือเนื้อที่26 ไร่ ใส่ชื่อผู้ร้องทั้งสองและนางทองเปลวร่วมกันโดยมิต้องระบุส่วนแบ่งของแต่ละคนนั้น เป็นคำสั่งเกี่ยวกับคู่ความที่มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคู่ความอีกฝ่ายร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาจึงเป็นคนละเรื่องคนประเด็นกัน กรณีมิใช่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดข้อหนึ่งแห่งคดีแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดนั้นดังที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
พิพากษายืน

Share