คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3511/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้คัดค้านมิได้เป็นคู่ความในคดีในการพิจารณาคำร้องขอของผู้ร้องครั้งแรกฝ่ายเดียว และประเด็นในการวินิจฉัยของศาลชั้นต้นครั้งแรกเป็นเรื่องผู้ร้องเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ส่วนประเด็นครั้งหลังเป็นเรื่องสมควรถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ซึ่งแตกต่างกัน ทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 เมื่อมีเหตุอันสมควรศาลมีอำนาจถอนผู้จัดการมรดกเสียได้ จึงถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
ผู้ร้องร่วมดูแลจัดการในบ้านของผู้ตายหลายประการ ผู้ร้องเป็นภรรยาผู้ตาย อยู่กินกับผู้ตายมานาน ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ครั้นผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านได้ทราบแล้วไม่คัดค้าน จนศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยชอบแล้ว ที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ร้องมิใช่ภรรยาผู้ตาย มิได้ร่วมจัดการทรัพย์สินกับผู้ตาย ก็รับฟังไม่ได้ ทั้งทายาทโดยธรรมอื่นเช่นเดียวกับผู้คัดค้านก็เห็นว่าควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก กรณีไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายทองดี สำราญราษฎร์ ผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ตาย ส่วนผู้ร้องไม่ได้เป็นภรรยาของผู้ตาย ผู้ร้องจึงไม่ใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตายหรือเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกของผู้ตาย ไม่มีสิทธิที่จะจัดการมรดกหรือเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้ร้องมีเจตนาไม่สุจริต มีความประพฤติและคุณสมบัติไม่เหมาะสมแก่การเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย มีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย มีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแทนผู้ร้องต่อไป

ผู้ร้องยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้องคัดค้าน

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถอนนางน้อย ยี่เส็ง ผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายทองดี สำราญราษฎร์ ผู้ตาย และมีคำสั่งตั้งนายสมเกียรติ สำราญราษฎร์ ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกแทนโดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องประการแรกว่า ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144 หรือไม่ เห็นว่า ในการพิจารณาคำร้องขอของผู้ร้องครั้งแรกในศาลชั้นต้นผู้คัดค้านมิได้เป็นคู่ความในคดี และประเด็นในการวินิจฉัยของศาลชั้นต้นครั้งแรกเป็นเรื่องผู้ร้องเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ส่วนประเด็นครั้งหลังเป็นเรื่องสมควรถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ซึ่งแตกต่างกัน ทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 เมื่อมีเหตุอันสมควรศาลมีอำนาจถอนผู้จัดการมรดกเสียได้ จึงถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องประการต่อไปว่า ผู้ร้องสมควรเป็นผู้จัดการมรดกต่อไปหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องร่วมดูแลจัดการในบ้านของผู้ตายหลายประการผู้ร้องเป็นภรรยาผู้ตายอยู่กินกับผู้ตายมานาน ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้มีการประกาศตามระเบียบแล้วผู้คัดค้านได้ทราบประกาศนั้นแล้วไม่คัดค้าน และศาลชั้นต้นก็ได้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยชอบแล้ว การที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ร้องมิใช่ภรรยาผู้ตายมิได้ร่วมจัดการทรัพย์สินกับผู้ตายจึงรับฟังไม่ได้ตามที่วินิจฉัยแล้ว ทั้งนางสมพรซึ่งมีฐานะเป็นทายาทโดยธรรมเช่นเดียวกับผู้คัดค้านก็เห็นว่าควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกกรณีไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727

พิพากษากลับให้ยกคำร้องของผู้คัดค้าน

Share