คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3501/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่1และที่2ร่วมกันว่าจ้างจำเลยที่3ให้ฆ่าผู้ตายโดยจำเลยที่2จัดหาอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะให้คืนเกิดเหตุจำเลยที่1และที่2ไปนั่งในร้านที่เกิดเหตุใกล้ๆเพื่อคอยช่วยเหลือจำเลยที่3หากมีอันตรายเกิดขึ้นเมื่อจำเลยที่3ยิงผู้ตายแล้วนั่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไปจำเลยที่2ได้เข้าไปแย่งอาวุธปืนจากโจทก์ร่วมซึ่งกำลังจะไล่ติดตามจำเลยที่3แล้วทำทีเป็นวิ่งไล่ตามยิงจำเลยที่3โดยเจตนาจะไม่ให้กระสุนปืนถูกจำเลยที่3ถือว่าจำเลยที่1และ2เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่3กระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ทั้ง สาม ตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ , 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83, 371, 91 และ ริบของกลาง ทั้งหมด
จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ให้การ ปฏิเสธ
จำเลย ที่ 3 ให้การรับสารภาพ
ระหว่าง พิจารณา นาย เจริญ ชมเชย สามี ของ นาง ศรียา ชมเชย ผู้ตาย ยื่น คำร้องขอ เข้าร่วม เป็น โจทก์ ศาลชั้นต้น อนุญาต ให้ เข้าร่วมเป็น โจทก์ เฉพาะ ข้อหา ความผิด ต่อ ชีวิต
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 3 มี ความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบ มาตรา 83 ให้ ประหารชีวิตเฉพาะ จำเลย ที่ 3 มี ความผิด ตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง จำคุก 6 เดือน กระทง หนึ่ง และ มาตรา 8 ทวิวรรคหนึ่ง , 72 ทวิ วรรคสอง กับ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ให้ลงโทษ ตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืน ฯ ซึ่ง เป็น บทหนัก ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 6 เดือน อีก กระทง หนึ่ง จำเลย ที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณา มีเหตุ บรรเทา โทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษ ให้ กึ่งหนึ่ง สำหรับ ความผิด ฐาน ฆ่า ผู้อื่น คง จำคุกตลอด ชีวิต ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52(2) ความผิด ฐาน มี อาวุธปืนจำคุก 3 เดือน ฐาน พกพา อาวุธปืน จำคุก 3 เดือน เมื่อ รวม โทษ ทุกกระทงแล้ว จำเลย ที่ 3 ให้ จำคุก ตลอด ชีวิต เพียง สถาน เดียว ตาม ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ริบของกลาง เว้นแต่ รถจักรยานยนต์ ของกลาง ให้ คืนแก่ เจ้าของ
จำเลย ที่ 2 อุทธรณ์ ส่วน คดี สำหรับ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 3 ไม่มีการ อุทธรณ์ แต่ ศาลชั้นต้น ส่ง สำนวน มา ตาม ประมวล กฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ยก ฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 นอกจาก ที่ แก้ คง เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี สำหรับ จำเลย ที่ 3 ถึงที่สุด ตามคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 245 วรรคสอง ข้อเท็จจริง ฟัง เป็น ยุติ ได้ว่า ตาม วัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุ ที่ โจทก์ ฟ้อง จำเลย ที่ 3 กับพวก ได้ ร่วมกัน ใช้อาวุธปืน ยิง นาง ศรียา ชมเชย ผู้ตาย จน ถึงแก่ความตาย โดย ไตร่ตรอง ไว้ ก่อน ปัญหา ที่ จะ ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ โจทก์ มี ว่า จำเลย ที่ 1และ ที่ 2 ได้ ร่วม กระทำผิด กับ จำเลย ที่ 3 หรือไม่ ข้อเท็จจริง ฟังได้ว่า จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ร่วมกัน ว่าจ้าง จำเลย ที่ 3 ให้ ไป ฆ่าผู้ตาย โดย จำเลย ที่ 2 เป็น ผู้ จัดหา อาวุธปืน และ รถจักรยานยนต์เป็น พาหนะ ให้ จำเลย ที่ 3 คืน เกิดเหตุ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ไป นั่งอยู่ ใน ร้าน ที่เกิดเหตุ ใกล้ ๆ กับ จำเลย ที่ 3 ภายหลัง ต่อมา จำเลยที่ 3 ใช้ อาวุธปืน ยิง ผู้ตาย แล้ว นั่ง รถจักรยานยนต์ ดังกล่าว หลบหนี ไปโจทก์ร่วม ถือ อาวุธปืน จะ ไล่ ติดตาม จำเลย ที่ 3 แต่ จำเลย ที่ 2 ได้เข้า ไป แย่ง อาวุธปืน จาก โจทก์ร่วม แล้ว ทำ ที เป็น วิ่ง ไล่ ตาม ยิง จำเลยที่ 3 โดย ไม่มี เจตนา จะ ให้ กระสุนปืน ถูก จำเลย ที่ 3 พฤติการณ์ ที่จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 อยู่ ใน บริเวณ ที่เกิดเหตุ กับ จำเลย ที่ 3 ดังกล่าวเชื่อ ได้ว่า จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 มี เจตนา คอย จะ ช่วยเหลือ จำเลย ที่ 3หาก มีเหตุ การณ์ ที่ จะ เป็น อันตราย ต่อ จำเลย ที่ 3 การกระทำ ของ จำเลยที่ 1 และ ที่ 2 ถือได้ว่า เป็น ตัวการ ร่วม กระทำผิด กับ จำเลย ที่ 3พยานหลักฐาน ของ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ฟัง หักล้าง พยานหลักฐาน ของโจทก์ และ โจทก์ร่วม ไม่ได้ ที่ จำเลย ที่ 2 แก้ ฎีกา ว่า คำให้การรับสารภาพ ชั้นสอบสวน ของ จำเลย ที่ 2 เป็น พยานบอกเล่า รับฟัง ไม่ได้ตาม คำพิพากษาฎีกาที่ 226/2537 ระหว่าง พนักงานอัยการ จังหวัด ปัตตานีโจทก์ นาย สีน้ำ หรือน้ำ กำลังเที่ยง จำเลย นั้น เห็นว่า ตาม คำพิพากษาฎีกา ดังกล่าว มิใช่ ว่า ศาลฎีกา ไม่รับ ฟัง คำให้การ ชั้นสอบสวนของ จำเลย เพียงแต่ เห็นว่า คำให้การ รับสารภาพ ชั้นสอบสวน ของ จำเลยมี น้ำหนัก น้อย และ โจทก์ ไม่มี ประจักษ์พยาน หรือ พยานแวดล้อม กรณี อื่นเกี่ยวกับ การ ที่ จำเลย ทำร้าย ผู้ตาย มา ประกอบ ศาลฎีกา จึง เห็นว่าพยานหลักฐาน ของ โจทก์ ไม่มี น้ำหนัก เพียงพอ ที่ จะ รับฟัง ลงโทษ จำเลยได้ ซึ่ง แตกต่าง กับ คดี นี้ โดย โจทก์ และ โจทก์ร่วม มี ทั้ง คำให้การรับสารภาพ ชั้นสอบสวน ของ จำเลย ที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 3 และ พยานแวดล้อมกรณี ที่ บ่งชี้ ว่า จำเลย ที่ 2 มี ส่วน ร่วม กระทำผิด กับ จำเลย ที่ 1และ ที่ 3 ด้วย พยานหลักฐาน ของ โจทก์ และ โจทก์ร่วม มี น้ำหนัก มั่นคงรับฟัง ลงโทษ จำเลย ที่ 2 ได้ คำ แก้ ฎีกา จำเลย ที่ 2 ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้น วินิจฉัย ว่า จำเลย ทั้ง สาม มี ความผิด ฐาน ร่วมกัน ฆ่า ผู้ตายโดย ไตร่ตรอง ไว้ ก่อน ชอบแล้ว ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายก ฟ้องจำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ศาลฎีกา ไม่เห็น พ้อง ด้วย ฎีกา โจทก์ ฟังขึ้นอนึ่ง ข้อเท็จจริง ฟังได้ ว่า จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน ซึ่ง เป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณา แต่ ศาลชั้นต้น ไม่ได้ลดโทษ ให้ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ศาลฎีกา เห็นสมควร แก้ไข โดย ลดโทษ ให้จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ด้วย ”
พิพากษาแก้ เป็น ว่า จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบ มาตรา 83 ให้ ประหารชีวิตคำให้การ ชั้นสอบสวน ของ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 เป็น ประโยชน์ ต่อ การพิจารณา ลดโทษ ให้ คน ละ หนึ่ง ใน สาม ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ประกอบ ด้วย มาตรา 52(1) ให้ จำคุก จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ไว้ ตลอด ชีวิตนอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 3

Share