คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3500/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

กองทุนรวม 4 กองทุน ต่างเป็นกองทุนรวมที่จดทะเบียนแล้ว จึงมีฐานะเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกัน และแยกต่างหากจากบริษัทโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนรวมตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ มาตรา 124 วรรคสองโจทก์นำทรัพย์สินของกองทุนรวมแต่ละกองทุนไปลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทจำเลย ซึ่งผลประโยชน์หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นย่อมตกแก่กองทุนรวมแต่ละกองทุนตามส่วนของเงินที่นำไปลงทุน และแม้หุ้นกู้ที่จำเลยเสนอขายแก่โจทก์จะเป็นคราวเดียวกัน แต่โจทก์เป็นเพียงผู้นำทรัพย์สินของกองทุนรวมทั้งสี่กองทุนไปลงทุนโดยโจทก์ได้รับค่าธรรมเนียมการจัดการเป็นผลตอบแทนเท่านั้นมิใช่เป็นผู้ซื้อหุ้นกู้ของจำเลยเอง มูลหนี้ที่เกิดจากการซื้อขายหุ้นของแต่ละกองทุนจึงมิได้เกี่ยวข้องกัน ดังนั้น แม้โจทก์ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมจะฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินค่าไถ่ถอนหุ้นกู้ที่โจทก์ซื้อจากจำเลยในนามกองทุนรวมทั้งสี่ กองทุนรวมกันมาเป็นคดีเดียวกัน ก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้องจากจำเลยเป็นรายกองทุนรวมไป

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้จัดตั้งและจัดการกองทุนรวมได้ โจทก์ได้จัดตั้งและจดทะเบียนโครงการจัดการกองทุนรวมต่าง ๆและได้ซื้อหุ้นกู้ของจำเลยเพื่อถือหุ้นกู้ในนามของกองทุนรวมที่อยู่ภายใต้อำนาจการจัดการดูแลของโจทก์ ในนามของกองทุนรวมไทยพาณิชย์ทุนทวี 2 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ธนทวีกองทุนรวมไทยพาณิชย์ทุนทวีและกองทุนรวมไทยพาณิชย์วอลล์สตรีท ต่อมาจำเลยไม่อาจถือประโยชน์จากเงื่อนเวลาที่กำหนดวันชำระหนี้หรือวันไถ่ถอนหุ้นกู้ตามกำหนดเดิมได้อีกต่อไป จะต้องไถ่ถอนหุ้นกู้คืนให้โจทก์ทั้งหมดและต้องชำระดอกเบี้ยที่ค้างชำระแก่โจทก์จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินคืนโจทก์จำนวน 69,988,527.39 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 11.25 ต่อปี ของต้นเงิน 65,000,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องระบุจำนวนเงินพร้อมดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องของแต่ละข้อหาให้ชัดเจน และให้เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ให้ครบภายใน 15 วัน หากไม่ดำเนินการภายในกำหนดถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องและนำเงินค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่ได้แก้ไขมาชำระเพิ่มจำนวน 600,000 บาท ตามคำสั่งศาลชั้นต้น แต่ได้ยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งศาลไว้แล้วต่อมาจำเลยยื่นคำให้การสู้คดี ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมนำคดีมาฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าไถ่ถอนหุ้นกู้ที่โจทก์ซื้อจากจำเลยในนามกองทุนรวมจำนวน 4 กองทุนพร้อมดอกเบี้ย โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้องจากจำเลยเป็นรายกองทุนรวมหรือไม่ เห็นว่า กองทุนรวมทั้งสี่กองทุนตามฟ้องเป็นกองทุนรวมที่จดทะเบียนแล้ว จึงมีฐานะเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกัน และแยกต่างหากจากโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนรวมตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 124 วรรคสอง ผลประโยชน์หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่โจทก์นำทรัพย์สินของกองทุนรวมแต่ละกองทุนไปลงทุน ย่อมตกแก่กองทุนรวมแต่ละกองทุนตามส่วนของเงินที่นำไปลงทุน และแม้หุ้นกู้ดังกล่าวเป็นหุ้นกู้ที่จำเลยเสนอขายแก่โจทก์ในคราวเดียวกัน แต่โจทก์เป็นแต่เพียงผู้ที่นำทรัพย์สินของกองทุนรวมทั้งสี่กองทุนไปลงทุนโดยโจทก์ได้รับค่าธรรมเนียมการจัดการเป็นผลตอบแทนเท่านั้น มิใช่เป็นผู้ซื้อหุ้นกู้ของจำเลยเอง มูลหนี้ที่เกิดจากการซื้อขายหุ้นกู้ตามฟ้องของแต่ละกองทุนรวมจึงมิได้เกี่ยวข้องกัน เมื่อโจทก์ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมนำคดีมาฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าไถ่ถอนหุ้นกู้ที่โจทก์ซื้อจากจำเลยในนามกองทุนรวมจำนวน4 กองทุนพร้อมดอกเบี้ย แม้ฟ้องรวมกันมาเป็นคดีเดียวก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้องจากจำเลยเป็นรายกองทุนรวมที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้องจากจำเลยเป็นรายกองทุนรวมชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share